

- นักลงทุนเทขายหุ้นลดความเสี่ยง หลังห่วงเศรษฐกิจฟื้นช้า
- เฟดประกาศไม่ต่อมาตรการผ่อนคลายแบงก์พาณิชย์ กระทบเงินทุน
- หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมีแรงซื้อกลับ หลังราคาดิ่งลงช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
เมื่อเวลา 22.15 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลงต่อเนื่องจากวันก่อน โดยอยู่ที่ 32,610.41 จุด ลดลง 251.89 จุด หรือ -0.77% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 13,188.08 จุด เพิ่มขึ้น+71.91 จุด หรือ +0.55% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,910.01 จุด ลดลง 5.45 จุด หรือ -0.14%
นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยงการกลับมาชะลอตัวของเศรษฐกิจ โดยหุ้นกลุ่มธนาคารต่างดิ่งลง แรง หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศในวันนี้ว่า เฟดจะไม่ต่ออายุโครงการผ่อนคลายด้านเงินทุนสำหรับธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะหมดอายุในสิ้นเดือนนี้ หลังจากที่มีการใช้กันมาตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2563 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐ
โดยโครงการดังกล่าวอนุญาตให้ธนาคารต่างๆสามารถลดทุนหากมีการถือครองพันธบัตรและตราสารหนี้อื่น โดยธนาคารไม่ต้องนำมูลค่าของพันธบัตรและเงินฝากที่ฝากไว้กับเฟดเข้ารวมในการคำนวณ leverage ratio เฟดหวังว่ามาตรการผ่อนคลายเงินทุนดังกล่าวจะช่วยสร้างเสถียรภาพต่อตลาดพันธบัตรในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 และช่วยหนุนให้ภาคธนาคารปล่อยเงินกู้มากขึ้น
การซื้อขายในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันนี้ยังถูกกดดันจากการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ขานรับข่าวที่ว่าเฟดจะไม่ต่ออายุโครงการผ่อนคลายเงินทุนสำหรับธนาคารพาณิชย์ โดยแม้ว่าจะชอลตังลงจากวานนี้ แต่ยังดีดตัวเหนือ 1.7%
อย่างไรก็ตาม หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีเริ่มมีแรงซื้อกลับ หลังลดลงต่อเนื่องมาหหลายวันในสัปดาห์นี้ โดยมองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอาจจะช้ากว่าที่คาดไว้