.ตลาดจับตาประธานาธิบดีไบเดน และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎร เจรจาขยายเพดานหนี้ในวันนี้
.นักลงทุนขายหุ้นลดความเสี่ยง รอทิศทางเศรษฐกิจ-อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ
.นายนีล แคชแครี ประธานธเฟด สาขามินเนอาโพลิส ระบุ ประชุมเดือนมิ.ย.ออกได้ทั้งขึ้นหรือคงดอกเบี้ย
เมื่อเวลาประมาณ 22.05 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 33,345.24 จุด ลดลง
81.39 จุด หรือ -0.24% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 12,714.22 จุด เพิ่มขึ้น 56.32 จุดหรือ +0.44% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,197.28 จุด เพิ่มขึ้น 5.30 จุด หรือ +0.13%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงถูกกดดันจากปัจจัยการเมือง และเศรษฐกิจ นักลงทุนบางส่วนขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยง ขณะจับตาความสำเร็จในการเจรจาขยายเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ ฯ โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ จะทำการเจรจาขยายเพดานหนี้ในวันนี้ หลังการเจรจาระหว่างคณะทำงานของพรรครีพับลิกันและเดโมแครตในสัปดาห์ที่แล้วไม่ประสบความคืบหน้าแต่อย่างใด
ตลาดยังกังวลทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ หลังนายนีล แคชแครี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินเนอาโพลิส กล่าวว่า เขาเปิดกว้างต่อการที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. “ตอนนี้มีโอกาสใกล้เคียงกันมากที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนมิ.ย. หรือจะพักการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งถ้าเราพักการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนหน้า มันไม่ได้หมายความว่าเราได้ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว แต่หมายความว่าเรากำลังรอข้อมูลมากขึ้น แต่หากเงินเฟ้อยังไม่ชะลอตัวลง เขาจะสนับสนุนให้เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
“เราจะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนก.ค.หรือไม่ ก็เป็นไปได้ สิ่งสำคัญคือ เรายังไม่ตัดทางเลือกในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย” นายแคชแครีกล่าว
ราคาหุ้นบริษัท เมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้นกว่า 2% ในการซื้อขายวันนี้ แม้สหภาพยุโรป (EU) ประกาศปรับบริษัทเป็นจำนวนเงิน 1.2 พันล้านยูโร (1.3 พันล้านดอลลาร์) หรือราว 45,000 ล้านบาท เนื่องจากละเมิดกฎระเบียบเกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลของลูกค้าใน EU ช่วยให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับขึ้น และส่งผลให้ดัชนีแนสแด็กยืนในแดนบวก
นักลงทุนยังจับตารายงานการประชุมประจำเดือนพ.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ รวมทั้งตัวเลข GDP ไตรมาส 1/2566 (ประมาณการครั้งที่ 2) และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนเม.ย.
