

- ตลาดหุ้นสหรัฐปรับฐาน มีแรงเทขายหุ้นหลังดีดตัวแรง ตั้งแต่ต้นสัปดาห์
- ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสหรัฐลดลงต่อเนื่องต่ำสุดในรอบ 50 ปี
- นักลงทุนกังวลเงินเฟ้อพุ่งกดดันการประชุมเฟดสัปดาห์หน้าให้เร่งขึ้นดอกเบี้ย
เมื่อเวลาประมาณ 21.55 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 35,601.06 จุดลดลง
153.69 จุด หรือ -0.43% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 15,735.20 จุด ลดลง 51.78 จุด หรือ -0.33% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,687.21 จุด ลดลง14.00 จุดหรือ -0.30%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับฐาน หลังดีดตัวแรงในช่วงก่อนหน้า แม้ว่าตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐ จะปรับตัวดีขึ้นเป็นประวัติการณ์ นักลงทุนกังวลยังคงติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดโอมิครอน รวมทั้ง กังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเร่งการคุมเข้มนโยบายการเงิน และขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด หลังนักวิเคราะห์คาดอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงกว่าที่คาด
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 184,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 211,000 ราย และเป็นระดับต่ำที่สุดตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.2512 หรือต่ำสุดในรอบ 50 ปี อย่างไรก็ตาม จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องยังเพิ่มขึ้น 38,000 ราย สู่ระดับ 1.95 ล้านราย แต่ยังคงใกล้ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเดือนมี.ค.2563
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ โดยดัชนี CPI เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งหากสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ก็จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐ ที่จะเปิดเผยวันพรุ่งนี้ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 6.7% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2525หรือสูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี ขณะที่ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบรายเดือน
ทั้งนี้ เฟดจะมีการประชุมนโยบายการเงินครั้งสุดท้ายของปีนี้ในวันที่ 14-15 ธ.ค.นี้ นอกจากนั้น ธนาคารกลางยุโรป(ECB) ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในสัปดาห์หน้าด้วย โดยจัดพร้อมกันในวันที่ 16 ธ.ค.
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญตลาดหุ้น และนักวิเคราะห์ยังคงคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นวอลล์สหรัฐจะพุ่งขึ้นในช่วงปลายปีนี้และต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า โดยเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง หลังสิ้นสุดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เห็นได้จากดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นดิ่งลงอย่างรวดเร็ว บ่งชี้ว่าขณะนี้ผู้จัดการกองทุนรายใหญ่เริ่มกลับมาแล้ว หลังจากตลาดเกิดความผันผวนมาระยะหนึ่ง