ดาวโจนส์ยังร่วงไม่หยุดกว่า 500 จุด กังวลดอกเบี้ยขึ้นแรง

.อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี พุ่งไม่หยุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2561
.นักลงทุนกังวลเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย คาดโอกาสขึ้น 0.75% ในการประชุมเดือน มิ.ย.ขึ้น
.จับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน เม.ย.คาดพุ่งสูงขึ้นกว่าเดือน

เมื่อเวลาประมาณ 21.40 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 32,381.58 จุด ดิ่งลง
517.79 จุด หรือ -1.57% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,747.33 จุด ลดลง 397.33 จุด หรือ -3.27% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,021.29 จุด ลดลง 102.05 จุด หรือ -2.47%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นสู่ระดับ 3.185% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2561 กดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯให้ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยแสดงให้เห็นว่า นักลงทุนมองแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยว่าจะเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง
โดยหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้นสูง จะทำให้บริษัทต่างๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยดิ่งลงแรง ส่งผลให้ดัชนีแนสแด็กลดลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงเช่นกัน ตามการดิ่งลงของราคาน้ำมัน ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดิ่งลงกว่า 2% ใกล้หลุดระดับ 107 ดอลลาร์ กังวลความต้องการใช้น้ำมันในจีน ซึ่งเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันมากที่สุดในโลก หลังจากที่จีนประกาศล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ และบางส่วนของกรุงปักกิ่งเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19

นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนมิ.ย. แม้นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่าเฟดยังไม่ได้พิจารณาเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงขนาดนั้นก็ตาม

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 75% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 19% เมื่อเดือนที่แล้ว

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในวันพุธนี้ โดยคาดว่าจะพุ่งขึ้นสูงขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งอาจมีผลต่อการตัดสินใจกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในการประชุมเดือนมิ.ย.