

.นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี คาดเศรษฐกิจอยู่ในทิศทางฟื้นตัว
.ตลาดกังวลผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน
.หุ้นกลุ่มที่ได้รับผลดีจากการเปิดเศรษฐกิจดีดตัว รับอานิสงส์เฟดปรับขึ้นประมาณการเติบโต
เมื่อเวลา 21.55 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 33,113.40 จุด เพิ่มขึ้น 98.03 จุด หรือ +0.30% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 13,331.83 จุด เพิ่มขึ้น 193.37 จุด หรือ -1.43%
ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,952.52 จุด ลดลง 21.60 จุด หรือ -0.54%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีต่างปรับตัวลงต่อเนื่อง ในวันนี้ โดยได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 1.74% แตะระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน
ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐได้เป็นปัจจัยกดดันหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งเป็นหุ้นในกลุ่ม growth stock โดยนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มดังกล่าว และเข้าซื้อหุ้นกลุ่ม value stock ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มที่จะปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจ โดยคาดว่าหุ้นกลุ่มนี้จะได้รับประโยชน์จากการที่สหรัฐเริ่มเปิดเศรษฐกิจ
สถาบันวิจัยเนด เดวิสคาดการณ์ว่า ดัชนี Nasdaq จะทรุดตัวลงอีก 20% หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งแตะระดับ 2% นอกจากนี้ ผลสำรวจยังบ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 2% จะส่งผลให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีททรุดตัวลงมากกว่า 10% และหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งแตะ 2.5% จะทำให้นักลงทุนถอนตัวออกจากตลาดหุ้นเพื่อเข้าลงทุนในตลาดพันธบัตร เนื่องจากมีความน่าดึงดูดมากกว่า
ตรงกันข้าม หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจต่างดีดตัวขึ้น โดยในการประชุมนโยบายการเงินที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2564 และ 2565 สู่ระดับ 6.5% และ 3.3% ตามลำดับ ขณะที่ปรับลดการขยายตัวของปี 2566 สู่ระดับ 2.2% และเฟดได้คงคาดการณ์อัตราการขยายตัวในระยะยาวที่ระดับ 1.8%
ขณะเดียวกัน เฟดได้คงตัวเลขคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 2564-66 อยู่ที่ระดับ 0.13% ทั้ง 3 ปี และคงตัวเลขคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในระยะยาวที่ระดับ 2.5%
ขณะที่ตัวเลขการว่างงานที่ออกมายังมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้นสู่ระดับ 770,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 700,000 ราย
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ปรับเพิ่มตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ สู่ระดับ 725,000 ราย จากเดิมรายงานที่ระดับ 712,000 ราย
อย่างไรก็ตาม จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลงสู่ระดับ 4.1 ล้านราย แต่ยังสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 4 ล้านราย สอดคล้องกับตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลงสู่ระดับ 746,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2563