ดาวโจนส์ยังคงร่วงต่อ กว่า 250 จุด นักลงทุนปรับพอร์ตคาดเศรษฐกิจฟื้น



. นักลงทุนขายหุ้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีต่อ ซื้อหุ้นกลุ่มรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
.ตลาดคาดสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่วันนี้
. ตัวเลขการใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้น 2.4% ในเดือนม.ค.

เมื่อเวลา 22.15น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 31,145.09 จุด ร่วงลงต่ออีก
256.92 จุด หรือ -0.82% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่13,084.34 จุด ลดลง 35.09 จุด ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,810.56 จุด ลดลง 18.78 จุด หรือ -0.49%

นักลงทุนยังคงขายหุ้น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และหันไปซื้อหุ้นกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และลงทุนในพันธบัตรที่ผลตอบแทนยังคงสูงขึ้นต่อเนื่องมาระยะหนึ่งแล้ว กดดัน ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบ โดยมองว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัว

หลังนายเจอโรม พาวเวล ระบุว่า ยังคงใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อเนื่อง ขณะที่ มีการคาดการณ์ว่าสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะลงมติให้ความเห็นชอบต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในวันนี้ เนื่องจากพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ซึ่งหากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้รับการอนุมัติ ก็จะถูกส่งเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาต่อไป ก่อนที่จะให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามรับรองเป็นกฎหมาย

โดยนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ คาดว่า กระบวนการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวจะเสร็จสิ้นก่อนวันที่ 15 มี.ค. ซึ่งเป็นวันที่มาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะหมดอายุลง

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นต่อเนื่อง และเป็นหุ้นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุด ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า ความต้องการใช้น้ำมันจะพุ่งขึ้นจากการที่ประชาชนออกมาเดินทางมากขึ้น หลังจากมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในวงกว้าง ซึ่งจะช่วยลดการแพร่ระบาด และทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น เช่นเดียวหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มการเงิน

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีอ่อนตัวลงในวันนี้ แต่ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 1.47% หลังจากพุ่งขึ้นเหนือ 1.6% วานนี้ แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2563 โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง และการคาดการณ์เกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในวงกว้าง

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้น 2.4% ในเดือนม.ค. แต่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.5% หลังจากลดลง 0.2% ในเดือนธ.ค.
นอกจากนี้ รายได้ส่วนบุคคลพุ่งขึ้น 10% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนธ.ค.

การพุ่งขึ้นของรายได้ส่วนบุคคลได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลสหรัฐส่งเช็คเงินสด 600 ดอลลาร์ให้แก่ชาวอเมริกันตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่วนอัตราการออมของผู้บริโภคพุ่งขึ้นสู่ระดับ 20.5% สู่ระดับ 3.93 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้ว

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2% เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE ดีดตัวขึ้น 1.5% ในเดือนม.ค.

ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค.เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 1.5% ในเดือนม.ค.