ดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 70 จุด นักลงทุนจับตาเงินเฟ้อ -ดอกเบี้ยขึ้น



.อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งสูง คาดเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย
.ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 467,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์
.นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อ-ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 35,165.56 จุด เพิ่มขึ้น 74.43 จุด หรือ +0.21% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,474.97 จุด ลดลง 8.90 จุด หรือ -0.20% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ระดับ 13,990.76 จุด ลดลง 24.90 จุด หรือ -0.18%

ตลาดหุ้นสหรัฐ ถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ 1.94% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2563 โดยการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร จะทำให้บริษัทต่างๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน ในขณะที่ที่มีแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อ่อนไหวต่อัตราดอกเบี้ย

ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 467,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 150,000 ตำแหน่ง

กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนพ.ย. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 647,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 249,000 ตำแหน่ง และปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนธ.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 510,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 199,000 ตำแหน่ง

ส่งผลให้นักลงทุนเพิ่มคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือน มี.ค. โดยคาดว่าสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 40 ปีในสัปดาห์นี้ หลังจากที่เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งกว่าคาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เขาเชื่อว่าเฟดยังคงสามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ย “ได้อีกมาก” โดยไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันที่ 10 ก.พ. โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 7.2% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2525

นอกจากนี้ แบงก์ ออฟ อเมริกายังคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปี 2566 จนแตะระดับ 2.75-3.00% ก่อนที่จะมีการทบทวนนโยบายการเงิน

นักลงทุนยังคงจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่บริษัทจำนวน 281 แห่งในดัชนี S&P 500 ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 4 แล้ว โดย 78% ในจำนวนดังกล่าวมีกำไรสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่ 77% มีรายได้สูงกว่าคาด

บริษัทฮาร์เลย์-เดวิดสัน อิงค์ ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 4/64
โดยบริษัทมีกำไร 14 เซนต์/หุ้น ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขาดทุนที่ระดับ 38 เซนต์/หุ้น มีรายได้ 816 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 664 ล้านดอลลาร์

ราคาหุ้นไฟเซอร์ร่สงลง เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรสูงกว่าคาดในไตรมาส 4/64 แต่มีรายได้ต่ำกว่าคาด โดยบริษัทมีกำไร 1.08 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.87 ดอลลาร์/หุ้น อย่างไรก็ดี บริษัทมีรายได้ 2.384 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.412 หมื่นล้านดอลลาร์