

.หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี-พลังงาน-หุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นเศรษฐกิจปรับขึ้น
.ตลาดซื้อหุ้นขานรับภาพรวมเศรษฐกิจออกมาดีต่อเนื่อง
. นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในศุกร์นี้
เมื่อเวลา 22.10 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,466.23 จุด เพิ่มขึ้น
463.31 จุด หรือ +1.36% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 14,488.32 จุด เพิ่มขึ้น 232.84 จุด +1.63% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,364.41 จุด เพิ่มขึ้น 63.95 ุด หรือ +1.49%
แรงช้อนซื้อจากนักลงทุน ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น โดยราคาหุ้นเฟซบุ๊กพุ่งขึ้น 1% หลังจากทรุดตัวลง 5% เมื่อวานนี้ จากผลของการให้บริการของเฟซบุ๊ก, อินสตาแกรมและ WhatsApp ประสบปัญหาระบบล่มทั่วโลก เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจต่างดีดตัวขึ้นในการซื้อขายวันนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นเช่นกัน ตามการทะยานขึ้นของราคาน้ำมัน ขานรับผลการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส
ข้อมูลจาก “Stock Trader’s Almanac” ระบุว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมักฟื้นตัวขึ้นในเดือนต.ค. และปรับตัวขึ้นจนถึงสิ้นปี โดยเดือนต.ค.ถือเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงขาขึ้นตามฤดูกาลของราคาหุ้น
นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่เฟดใช้ในการพิจารณาการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ QE และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ยังคงติดตามวามขัดแย้งในสภาคองเกรสเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ, การที่สภาคองเกรสอาจให้การอนุมัติการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคล รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
ขณะที่ทิศทางเศรษฐกิจยังดีต่อเนื่อง สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 61.9 ในเดือนก.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 60.0 จากระดับ 61.7 ในเดือนส.ค.
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้น 4.2% สู่ระดับ 7.33 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 7.05 หมื่นล้านดอลลาร์
การนำเข้าพุ่งขึ้น 1.4% สู่ระดับ 2.87 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่การส่งออกเพิ่มขึ้น 0.5% สู่ระดับ 2.14 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2562