ดาวโจนส์พุ่งกว่า 200 จุด เชื่อมั่นรัฐบาลเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ



  • ตลาดคาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลอตใหม่ใกล้สำเร็จ
  • ไบเดน-เยลเลน ระบุตรงกันจะเร่งออกโดยเร็วที่สุด
  • นักลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มหวังรัฐบาลผลักดันเศรษฐกิจฟื้นตัว

เมื่อเวลา 21.50 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 31,355.76 จุด เพิ่มขึ้น 207.52 จุด หรือ +0.67% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 13,935.86 จุด เพิ่มขึ้น 79.56 จุด หรือ +0.57%ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ3,906.06 จุด บวกเพิ่ม 19.23 จุด หรือ +0.49%
นักลงทุนติดตามการออกมาตรการเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐ โดยคาดว่าจะสามารถออกได้ในเร็วๆนี้ โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนกล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นที่สภาคองเกรสจะต้องรีบเร่งอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ

“หากสหรัฐยังคงมีการสร้างงานในอัตราปัจจุบัน ก็จะต้องใช้เวลาถึง 10 ปีกว่าที่จะกลับไปสู่ภาวะการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ และสิ่งนี้ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่สภาคองเกรสจะต้องเร่งผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาชาวอเมริกันและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19”

ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ แสดงความเชื่อมั่นว่า การจ้างงานในสหรัฐจะกลับมาขยายตัวได้อย่างเต็มศักยภาพอีกครั้งในปี 2565 หากสภาคองเกรสให้การอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน

นางเยลเลนยังกล่าวด้วยว่า หากรัฐบาลสหรัฐไม่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า และอาจต้องใช้เวลานานจนถึงปี 2568 กว่าที่อัตราว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4% อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนยังจะไม่ทำให้ประชาชนสหรัฐฯ กลับมาใช้ชีวิตปกติได้ในเร็วๆนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังไม่ยืนยันว่าจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่โควิด-19 ในสหรัฐได้ก่อนสิ้นฤดูร้อนนี้ โดยระบุว่าหนทางในการต่อสู้กับโรคระบาดครั้งนี้ยังอีกยาวไกล

“ความคิดที่ว่าเรื่องนี้เป็นไปได้ หมายถึงเราจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ก่อนสิ้นฤดูร้อนเป็นเรื่องที่ยากมาก”นายไบเดนกล่าว

ทางด้านนายแพทย์แอนโทนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐเคยกล่าวว่า การจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่เพื่อยับยั้งโควิด-19 ได้นั้น จะต้องฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชาชนอย่างน้อย 75% โดยนายแพทย์ฟอซีประเมินว่า สถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติในฤดูใบไม้ร่วง