

.นักลงทุนกังวลผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งอีกรอบ-จ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด
.ตลาดจับตาการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ-การประชุมเฟดกลางเดือน
.นักลงทุนคาดหวังการกระจายวัคซีนช่วยเร่งการฟื้นเศรษฐกิจ
เมื่อเวลา 22.50 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 31,483.60 จุด เพิ่มขึ้น 92.08 จุด หรือ +0.29% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 13,281.59 จุด ลดลง 77.19 จุดหรือ -0.58% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,862.06 จุด ลดลง 8.23 จุด หรือ -0.21%
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐยังคงปรับตัวผันผวน แกว่งตัวแคบๆ ทั้งในแดนลบและแดนบวก เป็นผลจากการดีดตัวขึ้นอีกครั้งของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ผลการกระจายการฉีดวัคซีนโควิด-19 เริ่มมีผลต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เร็วขึ้น
โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้งในวันนี้ หลังจากพุ่งแตะระดับ 1.6% ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 117,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 225,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ ADP ยังได้ปรับตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนในเดือนม.ค.เป็นเพิ่มขึ้น 195,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานเพิ่มขึ้น 174,000 ตำแหน่ง ทั้งนี้ การจ้างงานของภาคเอกชนในเดือนก.พ.ได้แรงหนุนจากภาคบริการ ขณะที่ภาคการผลิตและก่อสร้างปรับตัวลง
ขณะนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในวันศุกร์นี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 210,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. หลังจากเมื่อเดือนที่แล้ว กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 49,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 50,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 6.3% ในเดือนม.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะทรงตัวที่ระดับ 6.7%
นักลงทุนยังคงจับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ โดยสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติให้ความเห็นชอบต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา ก่อนที่จะส่งให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามรับรองเป็นกฎหมาย
นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ คาดว่า กระบวนการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเสร็จสิ้นก่อนวันที่ 15 มี.ค. ซึ่งเป็นวันที่มาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะหมดอายุลง
ขณะเดียวกัน ตลาดจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 16-17 มี.ค. หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวในแถลงการณ์รอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์ที่แล้วว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน ขณะที่ส่งสัญญาณตรึงอัตราดอกเบี้ยใกล้ 0% ต่อไปอีกกว่า 3 ปี