

- มีแรงเทขายหุ้นต่อเนื่องเพื่อลดความเสี่ยงในตลาดหุ้นสหรัฐ
- นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน
- นักวิเคราะห์เห็นตรงกันธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งขึ้นดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 14 ก.พ.ที่ 34,566.17 จุด ลดลง 171.89 จุด หรือ -0.49%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,401.67 จุด ลดลง 16.97 จุด หรือ -0.38% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 13,790.92 จุดลดลง 0.24 จุด หรือ -0.002%
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน ยังคงกดดันตลาดหุ้นสหรัฐ หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและอังกฤษเตือนว่า รัสเซียพร้อมที่จะบุกโจมตียูเครนได้ทุกเมื่อ ขณะที่สหรัฐได้สั่งย้ายสถานทูตอเมริกันในกรุงเคียฟไปยังเมืองลวิว ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของยูเครน เนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนยูเครนมีความตึงเครียดอย่างมาก
ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟดฉสาขาเซนต์หลุยส์กล่าวให้สัมภาษณ์ล่าสุดกับสำนักข่าว CNBC ว่า เฟดจำเป็นต้องถอนมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเร็วกว่าที่คาดไว้เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นมาก โดยเขากล่าวว่าเฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ภายในเดือนก.ค.
แซม สโตวอล นักวิเคราะห์จากบริษัท CFRA Research กล่าวว่า ตลาดถูกกดดันการที่เจ้าหน้าที่เฟดสายเหยี่ยวอย่างนายบูลลาร์ดได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่าต้องการให้เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ขณะที่ สถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนอาจเป็นปัจจัยลบต่อตลาดแค่เพียงชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมา ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 2.2% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.53% หุ้นเชฟรอน ลดลง 1.54% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ดิ่งลง 2.11% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 3.46%
หุ้นไฟเซอร์ ร่วงลง 1.93% หลังจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐประกาศเลื่อนการประชุมของคณะกรรมการที่ปรึกษาที่จะหารือกันเกี่ยวกับการอนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคในเด็กอายุ 6 เดือนถึง 4 ปี โดยระบุว่า FDA ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทดลองใช้วัคซีนดังกล่าว
ส่วนหุ้นบริษัทผลิตวัคซีนรายอื่น ๆ ปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นโมเดอร์นา ดิ่งลง 11.68% หุ้นโนวาแวกซ์ ร่วงลง 11.42% หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ปรับตัวลง 1.17%
หุ้นเทสลา ดีดตัวขึ้น 1.83% หลังหน่วยงานกำกับดูแลด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ของจีนยืนยันว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของเทสลาที่ผลิตในประเทศจีนพุ่งขึ้นแตะระดับเกือบ 60,000 คันในเดือน ม.ค.
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทวอลมาร์ท และอินวิเดีย(Nvidia) รวมทั้งยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย