ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 48 จุด แรงช้อนซื้อหุ้นดันดัชนีปิดบวก



.นักลงทุนซื้อหุ้นที่ราคาลดลงไปต่ำมาก หลังตลาดหุ้นร่วงลงแรงต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
.บริษัทจดทะเบียนเผยแนวโน้มผลประกอบการน่าผิดหวัง เป็นปัจจัยลบกดดันตลาด
.นักลงทุนหวั่นเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อแรง ทำเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 24 พ.ค.ที่ 31,928.62 จุด พลิกกกลับมาเพิ่มขึ้น 48.38 จุด หรือ +0.15%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,941.48 จุด ลดลง 32.27 จุด หรือ -0.81% และดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 11,264.45 จุด ร่วงลง 270.83 จุด หรือ -2.35%

มีแรงช้อนซื้อเข้ามาในช่วงท้าย หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงหนักในช่วงแรก ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์กลับมาปิดบวกได้เล็กน้อย โดยนักลงทุนส่วนหนึ่งมองว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงแรงกว่าปัจจัยพื้นฐาน

อย่างไรก็ตามตลาดยังได้รับแรงกดดันจาก ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนบางแห่งที่ออกมาต่ำว่าคาด และการปรับลดแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทสแนป ซึ่งเป็นเจ้าของแอปพลิเคชันสแนปแชท (Snapchat) ระบุว่า บริษัทอาจพลาดเป้าหมายทั้งในด้านรายได้และกำไรในไตรมาสปัจจุบัน พร้อมกับเตือนว่าทางบริษัทอาจชะลอการจ้างงานไปจนถึงสิ้นปีนี้เพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย

ข่าวดังกล่าวได้ฉุดราคาหุ้นสแนปและหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายอื่นๆร่วงลงอย่างรุนแรง โดยหุ้นสแนปทรุดตัวลง 43.08% หุ้นพินเทอเรสต์ ดิ่งลง 23.64% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ร่วงลง 7.62% หุ้นทวิตเตอร์ ดิ่งลง 5.52% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 4.95% หุ้นแอมะซอน ร่วงลง 3.21%

ขณะที่ตัวเลขเศรษกิจสหรัฐเริ่มแสดงภาพการชะลองตัว โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ดิ่งลง 16.6% สู่ระดับ 591,000 ยูนิตในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 750,000 ยูนิต จากระดับ 709,000 ยูนิตในเดือนมี.ค.

ทางด้านเอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ค.ของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 57.5 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 59.2 ในเดือนเม.ย. และดัชนี PMI ภาคบริการดิ่งลงสู่ระดับ 53.5 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับ 55.6 ในเดือนเม.ย.

หุ้นอเบอร์ครอมบี แอนด์ ฟิทช์ (Abercrombie & Fitch) ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกเสื้อผ้ารายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 28.58% หลังบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนต่อหุ้นในไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 27 เซนต์ ซึ่งสูงกว่ามากเมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 8 เซนต์ ขณะเดียวกันบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของรายได้ในปีงบการเงิน 2565 ลงเหลือ 2% จากเดิม 4%

นักลงทุนยังกังวลว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อนั้น อาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย