

ตลาดจับตาจีนล็อกดาวน์รอบใหม่ กดเศรษฐกิจฟื้นช้าลง
นักลงทุนขายหุ้นลดความเสี่ยง รอทิศทางการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก
ตลาดมีความหวังเฟดชะลออัตราการขึ้นดอกเบี้ย หลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงออกมาสนับสนุน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 21 พ.ย.ที่ 33,700.28 จุด ลดลง 45.41 จุด หรือ -0.13%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,949.94 จุด ลดลง 15.40 จุด หรือ -0.39% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 11,024.51 จุด ร่วงลง 121.55 จุด หรือ -1.09%
นักลงทุนกังวลเศรฐกิจจีนซบเซา ส่งผลต่อเนื่องถึงเศรษฐกิจการค้าโลก หลังกรุงปักกิ่ง สั่งล็อกดาวน์เขตเฉาหยาง เขตไห่เตี้ยน เขตตงเฉิง และเขตซีเฉิง หลังมีรายงานพบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในกรุงปักกิ่งเพิ่มอีก 2 รายในวันอาทิตย์ (20 พ.ย.) และพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 951 ราย
นอกจากนี้ จีนยังได้สั่งล็อกดาวน์เมืองสือจยาจวง ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลเหอเป่ย และล็อกดาวน์เขตไป๋อวิ๋นในมณฑลกว่างโจวเป็นเวลา 5 วันอีกด้วย
หุ้นบริษัทกาสิโนของสหรัฐที่เข้าไปดำเนินงานในประเทศจีนร่วงลง โดยหุ้นวินน์ รีสอร์ท, หุ้นลาสเวกัส แซนด์ส คอร์ป, หุ้นเอ็มจีเอ็ม รีสอร์ท อินเตอร์เนชันแนล และหุ้นเมลโค รีสอร์ท แอนด์ เอนเตอร์เทนเมนท์ ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 2%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงตามทิศทางราคาน้ำมัน WTI ที่ลดลง โดยคาดว่าจีนจะซื้อน้ำมันน้อยลง โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 0.99% หุ้นเชฟรอน ปรับตัวลง 0.96% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 1.58% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ดิ่งลง 2.41%
อย่างไรก็ดี ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯได้รับแรงหนุน จากทิศทางดอกเบี้ยที่อาจจะชะลอการเร่งตัวลง หลังแมรี ดาลี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาซานฟรานซิสโกได้แนะนำให้เจ้าหน้าที่เฟดใช้ความระมัดระวังในการดำเนินนโยบายการเงิน เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ได้ออกมาแสดงความในทางเดียวกับนางดาลี โดยกล่าวว่าเธอสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยน้อยลงในการประชุมเดือนธ.ค.
นักลงทุนจับตารายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่ 1-2 พ.ย. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธนี้ (23 พ.ย.) เพื่อบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
หุ้นวอลท์ ดิสนีย์ พุ่งขึ้น 6.30% หลังจากนายบ็อบ ไอเกอร์ กลับมาดำรงตำแหน่งซีอีโอของดิสนีย์ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน เนื่องจากนายไอเกอร์เคยเป็นซีอีโอของดิสนีย์นานถึง 15 ปี โดยมีผลงานในการเข้าซื้อกิจการ Pixar, Lucasfilm และ Marvel ซึ่งต่างก็เป็นสินทรัพย์ที่ทำเงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้กับดิสนีย์
หุ้นเทสลา ร่วงลง 6.84% หลังจากเทสลาประกาศเรียกคืนรถยนต์จำนวน 321,000 คันในสหรัฐ เนื่องจากพบปัญหาไฟท้าย