ดาวโจนส์ปิดลบ 326 จุด นักลงทุนกังวลเงินเฟ้อพุ่ง



  • ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย.พุ่ง8.3%สูงกว่านักวิเคราะห์คาด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 3%
  • นักลงทุนกังวลกังวลดอกเบี้ยขึ้นแรง เทขายหุ้นต่อกดดัชนีลบต่อเนื่อง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 11 ต.ค.ที่ 31,834.11 จุด ร่วงต่ออีกลง 326.63 จุด หรือ -1.02%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,935.18 จุด ลดลง 65.87 จุด หรือ -1.65% และดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 11,364.24 จุด ร่วงลง 373.44 จุด หรือ -3.18%

ในช่วงแรกของตลาดดาวโจนส์พยายามยืนในแดนบวกโดยมีแรงซื้อเข้ามาช้อนหุ้นที่ราคาลดต่ำลงมาก อย่างไรก็ตาม ความกังวลต่ออัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นเหตุผลที้ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรงขึ้น กดดันให้ดัชนีตลาดลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 5

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 8.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.1% แต่ต่ำกว่าระดับ 8.5% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2524

ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 6.2% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.0% แต่ต่ำกว่าระดับ 6.5% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2525ก

วิล คอมเพอร์นอลล์ นักวิเคราะห์จากบริษัทเอฟเอชเอ็น ไฟแนนเชียลกล่าวว่า ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐพุ่งขึ้นรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งจะเปิดทางให้เฟดใช้เป็นเหตุผลในการปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นและรุนแรงขึ้น โดยก่อนหน้านี้เฟดส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนมิ.ย. แต่ตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วอาจทำให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงถึง 0.75% ในการประชุมเดือนดังกล่าว

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 3% เมื่อคืนนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสูงกว่าคาด โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่างๆเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง 3.57% โดยหุ้นบาธ แอนด์ บอดี้ เวิร์คส์ ดิ่งลง 4.23% หุ้นคาปรี โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 9.24% หุ้นราล์ฟ ลอเรน ร่วงลง 2.75% หุ้นไนกี้ ลดลง 1.47%

ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 3.3% โดยหุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดิ่งลง 6.35% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 3.32% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส ร่วงลง 4.51% หุ้นแอมะซอน ดิ่งลง 3.20% หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 5.18%

หุ้นคอยน์เบส โกลบอล (Coinbase Global) ทรุดตัวลง 26.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 1 ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ เนื่องจากความผันผวนของตลาดทั่วโลกส่งผลให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น หลังราคาน้ำมัน WTI ทะยานขึ้น 6% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 1.43% หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2.08% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ เพิ่มขึ้น 1.02% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 1.17% หุ้นออคซิเดนเชียล ปิโตรเลีย บวก 1.4%