

.นักลงทุนติดตามการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ -ทิศทางดอกเบี้ย-นโยบายการเงิน
.จับการการประชุมเฟด 14-15 ธ.ค.นี้ คาดเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งสูง มีโอกาสให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น
.ภาพรวมตลาดแว่งตัวแคบๆ มีแรงขายหุ้นทำกำไร-ลดความเสี่ยง
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 9 ธ.ค.ที่ระดับ 35,754.69 จุด ลดลง 0.06 จุด หรือ -0.00%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,667.45 จุด ลดลง 33.76 จุด หรือ -0.72% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 15,517.37 จุด ลดลง 269.62 จุด หรือ -1.71%
ตลาดหุ้นสหรัฐชะลอการซื้อขายลง นักลงทุนติดตามเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันศุกร์นี้ (10 ธ.ค.) หลังจากที่นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับเพิ่มขึ้นเร็ว และสนับสนุนโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับนโยบายการเงิน และดอกเบี้ยเร็วขึ้น ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินวันที่ 14-15 ธ.ค.นี้
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า การประชุมในสัปดาห์หน้าจะรวมถึงการหารือเกี่ยวกับการเร่งลดการซื้อพันธบัตรให้เร็วขึ้น
หากข้อมูลเงินเฟ้อบ่งชี้ว่าจำเป็นต้องมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น ก็จะเป็นแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกระตุ้นแรงซื้อหุ้นกลุ่มที่ปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจ
นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 0.25-0.50% ในไตรมาส 3 ของปีหน้า อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่ามีโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่านั้น
ทั้งนี้ มีแรงขายออกมาเพื่อทำกำไรในหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรง และหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น โดยโจ ควินแลน หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดของแบงก์ออฟอเมริกากล่าวว่า นักลงทุนอาจขายหุ้นเพื่อทำกำไร และชะลอการเข้าซื้อหุ้น หลังจากตลาดปรับตัวขึ้น 3 วันติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม ตลาดได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า วัคซีนของไฟเซอร์และไบออนเทคสามารถป้องกันไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนได้ และตัวเลขการฟื้นตัวในตลาดแรงงานที่เข้มแข็ง
โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 184,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย. 2512 หรือต่ำสุดในรอบประมาณ 50 ปี และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 211,000 ราย
หุ้นซีวีเอส เฮลท์ คอร์ป ผู้ประกอบการร้านขายยา พุ่งขึ้น 4.52% หลังปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรทั้งปีนี้ ขณะที่หุ้นเกมสตอป ร่วง 10.06% หลังเปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ได้ออกหมายเรียกในเดือนส.ค.ที่ผ่านมาเพื่อขอเอกสารต่าง ๆ เกี่ยวกับการสอบสวนกิจกรรมการซื้อขายหุ้นของบริษัท