

- ตลาดกังวลพิษโควิดไม่จาง-เศรษฐกิจฟื้นช้า
- หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มโรงแรมดิ่งลงอย่างหนัก
- นักลงทุนยังวิตกว่ารัฐบาลสหรัฐอาจจะปรับขึ้นภาษีเพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 24มี.ค.ที่ 32,423.15 จุด ร่วงลง 308.05 จุด หรือ -0.94% ดัชนีเอสแแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,910.52 จุด ลดลง 30.07 จุด หรือ -0.76% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 13,227.70 จุด ลดลง 149.84 จุด หรือ -1.12%
ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า รัฐบาลสหรัฐอาจจะปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เพื่อระดมทุนเป็นค่าใช้จ่ายในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ลงนามบังคับใช้เมื่อไม่นานมานี้
ทั้งนี้ รัฐบาลยังต้องหาค่าใช้จ่ายในโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานซึ่งคณะบริหารของประธานาธิบดีไบเดนกำลังพิจารณาอยู่ในเวลานี้
ซึ่งสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เม็ดเงินลงทุนในโครงการดังกล่าวอาจสูงถึง 3-4 ล้านล้านดอลลาร์
นอกจากนั้น นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อคืนนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญวิกฤตจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พร้อมกับกล่าวสนับสนุนแผนการปรับขึ้นภาษีในวันข้างหน้า เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการลงทุนด้านสาธารณะ โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้สร้างความกังวลในตลาด
นอกจากนี้ นักลงทุนวิตกกังวลว่า การแพร่ระบาดรอบใหม่ของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งการใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดจะส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและทั่วโลกเป็นไปอย่างล่าช้า โดยความกังวลดังกล่าวได้ฉุดหุ้นวัฏจักร (Cyclical Stocks) หรือหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มสายการบิน กลุ่มเรือสำราญ และกลุ่มโรงแรม
ทั้งนี้ หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ดิ่งลง 6.55% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ร่วงลง 6.81% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ร่วงลง 4.86% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ทรุดตัวลง 7.82% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ ร่วงลง 5.70% หุ้นไฮแอท โฮเทลส์ คอร์ปอเรชั่น ร่วงลง 6.71% หุ้นแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ดิ่งลง 5.99%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมทรุดตัวลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจเช่นกัน โดยหุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 4.01% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ร่วงลง 3.46% หุ้นฮันนีเวลล์ ลดลง 1.67% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ดิ่งลง 3.58%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทรุดตัวลงสู่เขตปรับฐาน (Correction Territory) เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 3.39% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.25% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ลดลง 1.01% หุ้นเชฟรอน ลดลง 0.56% หุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ ร่วงลง 2.74%
หุ้นไมโครซอฟท์ ดีดตัวขึ้น 0.67% หลังมีรายงานว่า ไมโครซอฟท์กำลังเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการบริษัทดิสคอร์ด (Discord) คิดเป็นมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยดิสคอร์ดเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสำหรับเกมเมอร์โดยในช่วงที่โรคโควิด-19 ระบาดและผู้คนต้องอยู่แต่ในที่พัก ส่งผลให้มีการใช้เทคโนโลยีของดิสคอร์ดเพิ่มขึ้นทั้งการเรียนเป็นกลุ่ม และการทำกิจกรรมออนไลน์อื่นๆ
ด้านตัวเลขเศรษฐกิจออกมาในทิศทางชะลอตัวกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ดิ่งลง 18.2% สู่ระดับ 775,000 ยูนิตในเดือนก.พ. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 875,000 ยูนิต โดยยอดขายบ้านใหม่ในเดือนก.พ.ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐ
ขณะที่ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐพุ่งขึ้น 34.8% สู่ระดับ 6.472 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2563 เทียบเท่ากับสัดส่วน 3.1% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) โดยสูงกว่าระดับ 2.2% ของปี 2562 และสูงที่สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ที่ผ่านมา หรือสูงสุดในรอบ 12 ปี
การพุ่งขึ้นของตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของการส่งออก ขณะที่ภาคธุรกิจปิดกิจการ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 การส่งออกดิ่งลงสู่ระดับ 3.23 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2563 ส่วนการนำเข้าลดลงสู่ระดับ 3.87 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 6.817 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2563 จากระดับ 5.769 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2562