ดาวโจนส์ปิดบวก 43 จุด จับตาความเห็นเฟดขึ้นดอกเบี้ย



.อัตราผลตอบแทนพุ่งสูง สร้างความกังวลให้นักลงทุน

.ตลาดจับตาถ้อยแถลงเจ้าหน้าที่เฟด มองทิศทางดอกเบี้ยยังอยู่ระดับสูง

.มีแรงซื้อเข้ามาเพื่อซื้อหุ้นที่ราคาร่วงลงแรงก่อนหน้า ดันตลาดปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 25 ก.ย.ที่ 34,006.88 จุด เพิ่มขึ้น 43.04 จุด หรือ +0.13%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,337.44 จุด เพิ่มขึ้น 17.38 จุด หรือ +0.40% ส่วนดัชนี แนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 13,271.32 จุด เพิ่มขึ้น 59.51 จุด หรือ +0.45%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แกว่งตัวทั้งในแดนบวกและลบ แต่กลับมาปิดบวกได้ ทำให้ตลาดหุ้นกลัยมาฟื้นตัวหลังจากที่ร่วงลงติดต่อกัน 4 วันทำการก่อนหน้านี้

นักลงทุนกังวลอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี หลังจากธนาคารสหรัฐฯ(เฟด) ส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่าหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐอาจจะถูกปิดทำการ หรือชัตดาวน์ในวันที่ 1 ต.ค. หากสภาคองเกรสไม่มีความคืบหน้าในการผ่านร่างงบประมาณชั่วคราว และส่งต่อให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามเป็นกฎหมายภายในวันที่ 30 ก.ย.

มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ออกรายงานเตือนล่าสุดเมื่อวานนี้ว่า หากหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐถูกชัตดาวน์ ก็จะส่งผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ

ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.3% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวขึ้น 0.8% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวลง 0.4%

หุ้นอะเมซอน ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซและคลาวด์คอมพิวติ้งของสหรัฐ พุ่งขึ้น 1.67% หลังจากมีรายงานว่า อะเมซอนเตรียมทุ่มเม็ดเงินลงทุนมากถึง 4 พันล้านดอลลาร์ในแอนโทรปิก (Anthropic) ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ตอัปด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสร้างความร่วมมือที่สำคัญในการก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นหลักด้านปัญญาประดิษฐ์เชิงรู้สร้าง (Generative AI) และเพื่อแข่งขันกับบรรดาคู่แข่งในตลาด AI

หุ้นดาว อิงค์ (Dow Inc.) ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 1.7% หลังจากนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดาว สู่ระดับ “เพิ่มน้ำหนักการลงทุน” (Overweight) จากระดับ “คงน้ำหนักการลงทุน” (Neutral)

นักลงทุนจับตาการแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด โดยล่าสุดเมื่อวานนี้ นายออสตัน กูสบี ประธานเฟดสาขาชิคาโกให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีว่า ตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟดนั้น ยังคงเป็นความเสี่ยงที่สร้างผลกระทบรุนแรงมากกว่าการที่เฟดใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน