

- นักลงทุนกังวลเฟดจะไม่เริ่มลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน มี.ค.ตามที่นักวิเคราะห์คาด
- ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกล่าสุดลดลง 16,000 ราย ต่ำสุดในรอบ 16 เดือน
- หุ้นแอปเปิ้ล หุ้นบริษัทผลิตชิปและ AI พุ่งแรงดันตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวก
บรรยากาศการซื้อขายให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวน โดยในช่วงแรกได้รับแรงกดดันจากตัวเลขตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และความกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยธนาคารหกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะอยู่ในระดับสูงยาวนาน อย่างไรก็ตาม ตลาดได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นแอปเปิ้ล และมีแรงซื้อหุ้นบริษัทผลิตชิปและบริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(AI) ส่งผลให้กลับมาปิดบวก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันพฤหัสบดีที่ 18 ม.ค. ที่ 37,468.61 จุด เพิ่มขึ้น 201.94 จุด หรือ +0.54%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,780.94 จุด เพิ่มขึ้น 41.73 จุด หรือ +0.88% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 15,055.65 จุด เพิ่มขึ้น 200.03 จุด หรือ +1.35%
หุ้นแอปเปิ้ล พุ่งขึ้น 3.3% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค. 2566 หลังจากนักวิเคราะห์ของแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นแอปเปิ้ลขึ้นสู่ระดับ “Buy” จากเดิมที่ระดับ “Neutral” พร้อมกับคาดการณ์ว่าราคาหุ้นแอปเปิ้ลยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นอีกมากกว่า 20% ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
หุ้น TSMC ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปสัญญาจ้างรายใหญ่ของโลกและจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ ทะยานขึ้นเกือบ 10% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 4/2566 ที่สูงเกินคาด พร้อมกับคาดการณ์ว่ารายได้ในปีงบการเงิน 2567 จะพุ่งขึ้นกว่า 20% โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ชิป AI
หุ้นบริษัทผลิตชิปรายอื่น ๆ ดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นอินวิเดีย พุ่งขึ้น 1.9% ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดในวันพฤหัสบดี โดยคิดเป็นมูลค่าเกือบ 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) พุ่งขึ้น 1.6% ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน
หุ้นบรอดคอม, หุ้นควอลคอมม์ และหุ้นมาร์เวล เทคโนโลยี ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 3% ส่วนดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (Philadelphia SE Semiconductor Index) พุ่งขึ้น 3.4%
กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 16,000 ราย สู่ระดับ 187,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน โดยข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง และอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาด
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนเริ่มไม่แน่ใจว่า เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือน มี.ค.โดยให้น้ำหนักเพียง 56% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. ซึ่งลดลงจากที่เคยให้น้ำหนักสูงกว่า 80%
ดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มสาธารณูปโภคซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ปรับตัวลง 0.6% และ 1.05% ตามลำดับ ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าเฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้