

- มีแรงขายสลับกับแรงซื้อ ส่งผลบรรยากาศการการซื้อขายทผันผวนตลอดทั้งวัน
- นักลงทุนยังคงกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
- ตลาดแรงงานยังแกร่ง ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 3,000 ราย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 23ก.พ.ที่ 33,153.91 จุด เพิ่มขึ้น 108.82 จุด หรือ +0.33%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,012.32 จุด เพิ่มขึ้น 21.27 จุด หรือ +0.53% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 11,590.40 จุดเพิ่มขึ้น 83.33 จุด หรือ +0.72%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯผันผวน ท่ามกลางความกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จากผลของตชาดแรงงานและเศรษฐกิจที่ยังมีทิศทางฟื้นตัว ทำให้มีแรงขายออกมาเพื่อลดความเสี่ยง ขณะที่มีแรงช้อนซื้อหุ้นที่ราคาลดลงแรงในช่วงก่อนกน้าเข้ามา รวมทั้งหุ้นพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ดัชนีกลับมาปิดบวกได้
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 3,000 ราย สู่ระดับ 192,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 200,000 ราย
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2565 โดยระบุว่า ตัวเลข GDP ขยายตัว 2.7% ซึ่งแม้ว่าต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่มีการขยายตัว 2.9% แต่ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานกลับมาพุ่งขึ้น 1.3% หลังร่วงมาต่อเนื่อง ผลจากราคาน้ำมันดิบเริ่มฟื้นตัว โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ บวก 1.30% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ดีดขึ้น 0.92% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1% หุ้นออคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น1.37% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 1.46%
หุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 14.02% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 4/2565 และผลประกอบการที่แข็งแกร่งของอินวิเดียช่วยหนุนราคาหุ้นบริษัทผลิตชิปรายอื่นๆด้วย โดยหุ้นอิเทล ดีดขึ้น 0.55% หุ้นควอลคอมม์ พุ่งขึ้น 1.82% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 3.11% หุ้นแอดวานซ์ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) ทะยานขึ้น 4.1%
หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 3.4% หลังมีรายงานว่าเน็ตฟลิกซ์จะปรับลดค่าบริการสำหรับสมาชิกใน 30 ประเทศ
หุ้นโมเดอร์นา ดิ่งลง 6.7% หลังจากบริษัทคงตัวเลขคาดการณ์ยอดขายปี 2566 เอาไว้เท่าเดิมที่ 5 พันล้านดอลลาร์แม้ว่ายอดขายในไตรมาส 4/2565 จะออกมาสูงกว่าคาดก็ตาม
นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ โดยดัชนี PCE สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลดัชนี PCE ประจำเดือนม.ค.ในวันนี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย