ดาวโจนส์ปิดบวก 104 จุด คาดหวังผ่านกฎหมายลงทุนช่วยกระตุ้น เศรษฐกิจ



.สภาคองเกรสสหรัฐผ่านร่างกฎหมายลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 1 ล้านล้านเหรียญ
.ตลาดได้รับแรงหนุน หลังมองช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐให้แข็งแกร่งขึ้น
.นักลงทุนซื้อหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ ดันดัชนี 3 ตลาดแตะนิวไฮ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 8 พ.ย.ที่ 36,432.22 จุด เพิ่มขึ้น 104.27 จุด หรือ +0.29%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,701.70 จุด เพิ่มขึ้น 4.17 จุด หรือ +0.09% และดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 15,982.36 จุด เพิ่มขึ้น 10.77 จุด หรือ +0.07%

ตลาดหุ้นสหรัฐทำนิวไฮต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากข่าวสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอนุมัติร่างกฎหมายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน วงเงินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งต่อให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะรวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณในการก่อสร้างถนน สะพาน ทางรถไฟ ปัจจัยพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และโครงการอื่นๆ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานในสหรัฐ

นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มวัสดุ เนื่องจากเชื่อว่าหุ้นเหล่านี้จะได้ประโยชน์จากการผ่านร่างกฎหมายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โดยหุ้นแคทเธอร์ พิลลาร์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดในโลก พุ่งขึ้น 4.09% หุ้นวัลแคน มาเทเรียลส์ ทะยานขึ้น 4.91% หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน พุ่งขึ้น 6.45% หุ้นนูคอร์ คอร์ปอเรชัน พุ่งขึ้น 3.6% หุ้นจาคอปส์ เอนจิเนียริง ปรับตัวขึ้น 1.65% หุ้นยูเอส สตีล คอร์ป พุ่งขึ้น 2.71%

หุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวขึ้น หลังจากรัฐบาลสหรัฐอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ครบโดสสามารถเดินทางเข้าสหรัฐได้นับตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 0.76% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 1.97% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ บวก 0.81%

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน โดยหุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 2.6% หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.08% หุ้นเชฟรอน บวก 0.35% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 1.74% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ เพิ่มขึ้น 0.61%

อย่างไรก็ดี หุ้นเทสลา ร่วงลง 4.84% และเป็นปัจจัยกดดันตลาดในระหว่างวัน หลังจากที่นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา ได้ตั้งโพลสอบถามความคิดเห็นกับผู้ติดตามในทวิตเตอร์ด้วยคำถามที่ว่า เขาควรขายหุ้นเทสลา 10% จากหุ้นที่ถืออยู่หรือไม่ ซึ่งผลโหวตกว่า 3.5 ล้านเสียง หรือคิดเป็น 57.9% แนะนำให้เขาขายหุ้นเทสลาจำนวน 10% เพื่อนำเงินจำนวนนั้นไปจ่ายภาษี

นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในวันอังคารและวันพุธตามลำดับ