- นักลงทุนกังวลมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจฉบับใหม่ของสหรัฐขัดแย้ง-ล่าช้า
- ตลาดผิดหวังตัวเลขยอดขายค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาด แต่ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคยังเพิ่มขึ้น
- สหรัฐ-จีน ยกเลิกแผนการประชุมเจรจากการค้าทางไกลไม่มีกำหนด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 14 ส.ค. ที่ 27,931.02 จุด เพิ่มขึ้น 34.30 จุด หรือ +0.12% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,372.85 จุด เพิ่มขึ้น 0.58 จุด หรือ +0.02% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 11,019.30 จุด ลดลง 23.20 จุด หรือ -0.21%
ตลาดผิดหวังตัวเลขยอดขายค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาด หลังหลายรัฐชะลอการคลายล็อกดาวน์ในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากการแพร่นะบาดของโควิด-19 ที่ยังสูงต่อเนื่อง ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเพียง 1.2% ในเดือนก.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.9% หลังจากที่ดีดตัวขึ้น 8.4% ในเดือนมิ.ย.
โดยนักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า ข้อมูลยอดค้าปลีกดังกล่าวบ่งชี้ว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวลง ซึ่งตอกย้ำความวิตกเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคออกมาในแง่ดี โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ ขยับขึ้นสู่ระดับ 72.8 ในเดือนส.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 72.0 จากระดับ 72.5 ในเดือนก.ค.
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.0% ในเดือนก.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 5.7% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่ แม้ว่าสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานจะ ลดลง 1.1% ในเดือนมิ.ย. แต่ดีขึ้นเมื่เทียบกับที่ดิ่งลง 2.3% ในเดือนพ.ค.
นักลงทุนยังคงชะลอการซื้อขายหุ้น โดยติดตามอนุมัติมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจฉบับใหม่ของสหรัฐ โดยการเจรจาระหว่างทำเนียบขาวและสมาชิกสภาพรรคเดโมแครตเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าวหยุดชะงักมาตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ คาดว่า การเจรจารอบใหม่จะยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ โดยวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐไม่มีกำหนดที่จะกลับมาประชุมกันอีกในเดือนนี้ โดยวุฒิสภาจะปิดสมัยประชุมจนถึงวันแรงงานสหรัฐในวันที่ 7 ก.ย. ขณะที่สมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันจะให้ความสนใจต่อการประชุมใหญ่ของแต่ละพรรคที่จะมีขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า
รวมทั้ง ข่าวที่สหรัฐและจีนได้ยกเลิกแผนการที่จะประชุมทางไกลในช่วงสุดสัปดาห์นี้เพื่อประเมินความคืบหน้าของข้อตกลงการค้าเฟสแรก โดยรายงานข่าวระบุว่า การประชุมดังกล่าวระหว่างนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีนและนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐนั้น ได้ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่สงก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม หุ้นแอพพลายด์ แมตทีเรียลส์ อิงค์ พุ่ง 3.9% หลังคาดการณ์รายได้ไตรมาส 4 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ หลังความต้องการอุปกรณ์ชิป และบริการต่างๆ ดีดตัวขึ้น
เช่นเดีวกับ หุ้น CureVac ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพของเยอรมนี พุ่งขึ้นกว่า 200% ในการซื้อขายวันแรกที่ตลาดแนสแด็ก โดยนับเป็นครั้งแรกที่บริษัทพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ทำการเทรดหุ้น IPO ในตลาด
หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 1.8% หลังมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับเพิ่มคำแนะนำการลงทุน หลังจากเมื่อต้นสัปดาห์นี้ เทสลาประกาศแผนแตกหุ้น 5 ต่อ 1 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 31 ส.ค.นี้ และหุ้นเอเอ็มซี เอ็นเทอร์เทนเมนต์ พุ่ง 4.3% หลังเปิดเผยว่า บริษัทวางแผนจะเริ่มเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ในวันที่ 20 ส.ค.นี้
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าต่อเนื่อง โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ร่วงลงต่อเนื่อง โดยปรับตัวลงติดต่อกัน 8 สัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนเทขายดอลลาร์ และหันมาถือครองสกุลเงินจากประเทศที่สามารถจัดการกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ดีกว่าสหรัฐ