ดาวโจนส์ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 273 จุด ราคาน้ำมันพุ่งหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน



  • มีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคารหนุนดัชนีตลาดดีดขึ้น
  • นักลงทุนจับตาดอกเบี้ยเฟดขาขึ้น -ทิศทางเศรษฐกิจ-ตลาดแรงงาน
  • ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 1 ก.พ.ที่ 35,405.24 จุด เพิ่มขึ้น 273.38 จุด หรือ +0.78%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,546.54 จุด เพิ่มขึ้น 30.99 จุด หรือ +0.69% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่14,346.00 จุด เพิ่มขึ้น 106.12 จุด หรือ + 0.75%

ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวในแดนบวก หลังมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องและนับตั้งแต่ต้นปี 2565 ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นไปแล้วถึง 23.2% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ทะยานขึ้น 6.41% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2564 ที่ระดับ 2.05 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ1.94 ดอลลาร์ โดยเป็นการเปิดเผยกำไรสูงสุดในรอบ 7ปี

ราคาหุ้นพลังงานอื่นๆ ปรับขึ้นด้วยเช่นกัน โดยหุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 2.63% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 3.29% หุ้นออกซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ทะยานขึ้น 4.3% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ปรับตัวขึ้น 2.05%

หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 พุ่งขึ้นเหนือระดับ 1.8% เมื่อคืนนี้โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 2.64% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดขึ้น 1.73% หุ้นเจพีมอร์แกน เพิ่มขึ้น 1.72% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 3.35% หุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 2.21%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าช้อนซื้อหลังราคาลดลงหนักในช่วงก่อนหน้า โดยหุ้นเน็ตฟลิกซ์ ทะยานขึ้น 7.02% หุ้นเมตา แพลตส์ฟอร์ม (เฟซบุ๊ก) พุ่งขึ้น 1.83% หุ้น NVIDIA บวก 0.62% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 1.73% หุ้นแอมะซอน บวก 1.08%

หุ้นนิวยอร์ก ไทม์ส พุ่งขึ้น 3.07% หลังนิวยอร์ก ไทม์ส ประกาศซื้อกิจการ “เวอร์เดิล (Wordle)” ซึ่งเป็นเกมทายคำศัพท์ออนไลน์ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในเวลานี้ โดยมีเป้าหมายที่จะดึงดูดฐานลูกค้าใหม่ ๆ

อย่างไรก็ตาม หุ้นเทสลา ปรับตัวลง 0.58% หลังเทสลาประกาศเรียกคืนรถยนต์จำนวน 53,822 คัน เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ที่อาจทำให้รถไม่หยุดนิ่งขณะถึงทางแยก ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อการขับขี่

ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงติดตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 57.6 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2563 จากระดับ 58.8 ในเดือนธ.ค. โดยภาคการผลิตได้รับผลกระทบจากภาวะคอขวดด้านอุปทานและการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ขณะที่แบงก์ ออฟ อเมริกา ออกรายงานคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 7 ครั้งในปีนี้

ตลาดจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทจำนวน 172 แห่งในดัชนี S&P 500 ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 4 แล้ว ซึ่งเกือบ 80% ในจำนวนดังกล่าวมีผลประกอบการสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ รวมทั้งยังรอตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้