ดาวโจนส์ปิดตลาดสุดสัปดาห์สวยงาม บวกเพิ่ม 455จุด ว่างงานเพิ่มน้อยกว่าคาด

  • การจ้างงานนอกภาคเกษตรดิ่งลง 20.5 ล้านตำแหน่ง ลดต่ำกว่าคาด
  • การว่างงานพุ่งขึ้น14.7% ต่ำกว่าที่นักสิเคราห์คาด16%
  • นักลงทุนคาดผ่านจุดต่ำสุดเศรษฐกิจ-การแพร่ระบาดโควิด-19

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 8พ.ค.ที่ระดับ 24,331.32 จุด เพิ่มขึ้น 455.43 จุด หรือ +1.91%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,929.80 จุด เพิ่มขึ้น 48.61 จุด หรือ +1.69% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิสปิดที่ 9,121.32 จุด เพิ่มขึ้น 141.66 จุด หรือ +1.58%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 2.6%, ดัชนีเอสแอนด์พี500 เพิ่มขึ้น 3.5% และดัชนีแนสแด็กพุ่งขึ้น 6%

ตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ของนักวิเคราะห์ ทำให้นักลงทุนคาดว่า ได้ผ่านจุดต่ำที่สุดของปัญหาด้านแรงงาน ที่ได้รับผลกระทบการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ผ่านพ้นไปแล้ว

โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรดิ่งลง 20.5 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นตัวเลขการจ้างงานที่ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี ตัวเลขการจ้างงานในเดือนเม.ย.ยังดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจร่วงลงถึง 21.5 ล้านตำแหน่ง

ส่วนอัตราการว่างงานพุ่งขึ้นสู่ระดับ 14.7% ในเดือนเม.ย. ซึ่งสูงกว่าระดับ 10.8% ซึ่งเป็นอัตราการว่างงานสูงสุดในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ต่ำกว่าระดับ 24.9% ซึ่งเป็นตัวเลขอัตราการว่างงานในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ขณะที่ตัวเลขอัตราการว่างงานสูงสุดในช่วงเกิดวิกฤตการเงินในเดือนต.ค. 2552 อยู่ที่ระดับ 10%

ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า อัตราการว่างงานจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 16% ในเดือนเม.ย. หลังจากอยู่ที่ระดับ 4.4% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2560 ขณะที่แตะระดับ 3.5% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี

ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ของสหรัฐ และประเทศต่างๆ รวมทั้งการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมัน ซึ่งพุ่งขึ้นมากกว่า 20% แล้วในสัปดาห์นี้ จากการคาดการณ์ว่าความต้องการน้ำมันจะเริ่มเพิ่มขึ้น หลังการเปิดให้เดินทางมากขึ้น

นอกจากนี้ นักลงทุนยังคลายความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่เจ้าหน้าที่การค้าของทั้งสองประเทศยืนยันจะร่วมมือกันในการส่งเสริมเศรษฐกิจมหภาคเพื่อให้เอื้ออำนวยต่อการดำเนินการตามข้อตกลงการค้าเฟสแรก

นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน และหัวหน้าคณะเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเมื่อวันศุกร์ ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันว่าจะร่วมมือกันในการส่งเสริมเศรษฐกิจมหภาคเพื่อสร้างบรรยากาศและภาวะต่างๆ ที่เอื้ออำนวยกับการดำเนินการตามข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างจีนและสหรัฐ

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่การพุ่งขึ้นของหุ้นแอปเปิลช่วยหนุนตลาดด้วย หลังเปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดทำการร้านแอปเปิล สโตร์ในสหรัฐตั้งแต่สัปดาห์หน้า โดยราคาหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.38%

หุ้นอูเบอร์ เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 6.01% หลังบริษัทเปิดเผยว่า การจองบริการเรียกรถรับส่งฟื้นตัวขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

หุ้นโนเบิล เอ็นเนอร์จี พุ่งขึ้น 13.46% หลังเปิดเผยว่า บริษัทจะลดการผลิตน้ำมันและลดการใช้จ่ายทุนเพื่อรับมือกับการร่วงลงของราคาน้ำมัน