ดาวโจนส์ปิดตลาดลบ 328 จุด กังวลโควิด -19 ทุบผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

  • บริษัทขนาดใหญ่เตรียมประกาศผลประกอบการไตรมาส1สัปดาห์นี้
  • นักวิเคราะห์คาดเศรษฐกิจซบ-ผลประกอบการซมพิษโควิด-19
  • นักลงทุนกังวลโควิด-19 เทขายหุ้นลดความเสี่ยง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 13เม.ย.ที่ 23,390.77 จุด ลดลง 328.60 จุด หรือ -1.39% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,761.63 จุด ลดลง 28.19 จุด หรือ -1.01% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 8,192.42 จุด เพิ่มขึ้น 38.85 จุด หรือ +0.48%

นักลงทุนวิตกกังวลว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทจดทะเบียนที่จะทยอยประกาศออกมาในสัปดาห์นี้

โดยเฉพาะบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น เจพีมอร์แกน เชส และเวลส์ ฟาร์โก 

นักวิเคราะห์จากบริษัทแคปิตอล ซิเคียวริตีส์ เมเนจเมนท์ กล่าวว่า ปัญหาใหญ่ในขณะนี้คือความกังวลที่ว่า สหรัฐจะกลับมาเปิดเศรษฐกิจได้อีกครั้งเมื่อใด เพราะหากการปิดเศรษฐกิจยังดำเนินต่อไปเช่นนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็จะยิ่งมากขึ้นด้วย 

โดยในช่วงก่อนหน้านี้ บริษัทต่างๆได้ปรับลดคาดการณ์แนวโน้มรายได้ และส่วนหนึ่งไม่เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ โดยต้องพิจารณาผลกระทบจากโควิด-19

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ระบุชัดเจนว่า จะยังไม่เปิดเศรษฐกิจของสหรัฐ จนกว่าจะแน่ใจว่า ประชาชนในประเทศมีสุขภาพที่ดีแล้ว หลังจากที่รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

โดยเขาวางแผนที่จะประกาศจัดตั้งคณะกรรมการเปิดประเทศ (Opening our Country Council) ในวันอังคารหน้า ซึ่งจะประกอบด้วยผู้นำธุรกิจ, แพทย์ และผู้ว่าการรัฐ ซึ่งจะช่วยในการตัดสินใจว่าสหรัฐจะเปิดเศรษฐกิจอย่างไร

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่านาคารรายใหญ่อย่างเจพีมอร์แกน เชส และเวลส์ ฟาร์โก จะเปิดเผยผลประกอบการที่ไม่สวยงาม โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 3.7% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดิ่งลง 3.6% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ร่วงลง 4.4% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 2.7% หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 5.3% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ลดลง 1.5%

หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ร่วงลง 3.9% หลังจากออกมาระบุว่ารายได้ในไตรมาสแรกจะทรุดตัวลง 15.7% เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อยอดขายและการผลิต

หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านการก่อสร้างรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 8.7% หลังจากนักวิเคราะห์ของแบงก์ ออฟ อเมริกาได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ลงสู่ระดับ “underperform” จากระดับ “neutral”

อย่างไรก็ตาม หุ้นอเมซอน พุ่งขึ้น 6.17% หลังจากบริษัทประกาศว่าจะจ้างงานเพิ่มอีก 75,000 ตำแหน่ง เพื่อรองรับความต้องการซื้อสินค้าออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นอเมซอนเป็นปัจจัยหนุนดัชนีแนสแด็ก ปิดตลาดในแดนบวก