ดาวโจนส์ปิดตลาดลบ 179 จุด กังวลโควิด-มาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจล่าช้า


.นักลงทุนกังวลการระบาดโควิด-19 กระทบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
.ตลาดผิดหวังผลประกอบการอินเทล-ไอบีเอ็มต่ำกว่าคาด
.จับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลอตใหม่ส่อแววล่าช้า

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่22ม.ค.ที่ 30,996.98 จุด ลดลง 179.03 จุด หรือ -0.57% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,841.47 จุด ลดลง 11.60 จุด หรือ -0.30% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิสปิดที่ 13,543.06 จุด เพิ่มขึ้น 12.15 จุด หรือ +0.090%

นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ในสหรัฐ นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโจ ไบเดนด้วย หลังจากที่มีรายงานว่า วุฒิสภาสหรัฐคัดค้านมาตรการดังกล่าว

นอกจากนั้น ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงถูกกดดัน เนื่องจากมูลค่าหุ้นที่อยู่ใกล้ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ยุคดอทคอม และความล่าช้าของการผลิต และฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด กดดันให้หุ้นกลุ่มพลังงาน, การเงิน, อุตสาหกรรม และสินค้าฟุ่มเฟือย ปิดตลาดลดลง

นอกจากนี้ ผลประกอบการที่ต่ำกว่ายังกดดันดัชนีหุ้นอินเทลและหุ้นไอบีเอ็ม โดยหุ้นไอบีเอ็ม ร่วงลง 9.95% หลังเปิดเผยรายได้รายไตรมาสต่ำกว่าคาด โดยได้รับผลกระทบจากยอดขายซอฟท์แวร์ที่ลดลง ขณะที่หุ้นอินเทล ร่วงลง 9.29%อย่างไรก็ตาม หุ้นไมโครซอฟท์ คอร์ป, แอปเปิล และเฟซบุ๊ก ยุงปรับตัวเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ไอเอชเอส มาร์กิตซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงินเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 58.0 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 55.3 ในเดือนธ.ค. โดยดัชนี PMI ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะขยายตัว ทั้งภาคการผลิตและบริการ

ขณะที่สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 0.7% สู่ระดับ 6.76 ล้านยูนิตในเดือนธ.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าอาจลดลง 2.0% สู่ระดับ 6.55 ล้านยูนิต โดยยอดขายบ้านมือสองได้รับแรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่ระดับต่ำ และเมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านมือสองพุ่งขึ้น 22.2% ในเดือนธ.ค.