ดาวโจนส์ปิดตลาดบวก26 จุด รับผลประกอบการ กลุ่มเทคโนโลยีดีเกินคาด

  • นักลงทุนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี-พลังงานเก็งผลประกอบการ
  • จับตาคลายล็อกดาวน์ลดผลกระทบเศรษฐกิจสหรัฐ
  • วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้เทขายหุ้น 5 สายการบินยักษ์

ัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 4ต.ค.ที่ 23,749.76 จุด เพิ่มขึ้น 26.07 จุด หรือ +0.11% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,842.74 จุด เพิ่มขึ้น 12.03 จุด หรือ +0.42% ด้านดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 8,710.71 จุด เพิ่มขึ้น 105.77 จุด หรือ +1.23%

ดัชนีดาวโจนส์เปิดตลาดในแดนลบ หลังจากได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านการค้าครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่าจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ เพื่อตอบโต้จีนที่ปิดบังความรุนแรงของโรคและการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐและทั่วโลก

ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตามาตรการการผ่อนคลายล็อกดาวน์ของหลายๆ เมือง ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐเพิ่มขึ้นจริงหรือไม่

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นนิวยอร์กพลิกกลับขึ้นปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มพลังงานที่ส่งเข้าหนุนในช่วงท้ายของการซื้อขาย โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นขานรับรายงานผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์ และอัลฟาเบท ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.45% หุ้นเฟซบุ๊ก เพิ่มขึ้น 1.48% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 3.1% หุ้นอัลฟาเบท บวก 0.42% หุ้นอเมซอนดอทคอม เพิ่มขึ้น 1.3% หุ้นอินเทล บวก 0.9% หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.41% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) ทะยานขึ้น 5.37% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ปรับตัวขึ้น 1.05%

หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 3.96% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 2.21% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดีดขึ้น 2.77% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 4.08% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ปรับตัวขึ้น 1.84%

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มสายการบินดิ่งลง หลังจากบริษัทเบิร์คเชียร์ แฮทธาเวย์ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้เทขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ใน 5 สายการบินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ โดยเบิร์คเชียร์ แฮทธาเวย์ มีผลประกอบการขาดทุนสูงเกือบ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก