

.นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นต่อวันที่สอง ดันดัชนีเขียวยกแผง
.ตลาดเชื่อมั่นโควิดโอมิครอนกระทบเศรษฐกิจไม่รุนแรง
.จับตา3การประชุมนโยบายการเงินส่งท้ายปี สหรัฐ -อีซีบี-อังกฤษ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,719.43 จุด เพิ่มขึ้น 492.40 จุด หรือ +1.40%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,686.75 จุด เพิ่มขึ้น 95.08 จุด หรือ +2.07% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,686.92 จุด เพิ่มขึ้น 461.76 จุด หรือ +3.03%
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันวันที่สอง โดยนักลงทุนกระจายซื้อหุ้นกลับในทุกหมวด หลังจากคลายกังวลเชื้อไวรัสโควิดโอมิครอน
ทั้งนี้ สาเหตุมาจากนายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำทำเนียบขาวได้แสดงความเห็นกับสื่อมวลชนว่า นับจนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลบ่งชี้ว่าไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนได้ก่อให้เกิดอาการป่วยที่รุนแรง และการหาข้อมูลเพิ่มเติมยังคงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อที่จะทำให้ภาพรวมความเสี่ยงของไวรัสโอมิครอนมีความชัดเจนมากขึ้น
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า การแสดงความเห็นในเชิงบวกของนายแพทย์เฟาชีมีขึ้นหลังจากสภาวิจัยด้านการแพทย์แห่งแอฟริกาใต้เปิดเผยรายงานเบื้องต้นว่า ไวรัสโอมิครอนทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการป่วยเพียงเล็กน้อย และยังไม่มีรายงานบ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่จะทำให้เสียชีวิต นอกจากนี้ รายงานของสภาวิจัยฯยังระบุว่า มีเยาวชนจำนวนมากขึ้นที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากติดเชื้อไวรัสโอมิครอน แต่สถานการณ์ดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับอัตราการฉีดวัคซีนในระดับต่ำของกลุ่มเยาวชนในแอฟริกาใต้
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 3.51% ทั้งนี้ หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 3.54% หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ (เฟซบุ๊ก) บวก 1.55% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.68% หุ้นอัลฟาเบท ทะยานขึ้น 2.87% หุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 2.8%
หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 3.1% หลังมีรายงานว่า อินเทลวางแผนที่จะนำบริษัท Mobileye ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือเกี่ยวกับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กในช่วงกลางปี 2565
หุ้นแกล็กโซสมิทไคล์น (GSK) ผู้ผลิตยารายใหญ่สัญชาติอังกฤษ ดีดตัวขึ้น 1.48% หลังจากนายฮาล บาร์รอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านวิทยาศาสตร์ของบริษัท GSK เปิดเผยผลการศึกษาเบื้องต้นซึ่งบ่งชี้ว่า ยาโซโทรวิแมบ (Sotrovimab) ซึ่ง GSK พัฒนาร่วมกับบริษัท Vir Biotechnology ของสหรัฐนั้น มีประสิทธิภาพในการต่อต้านไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน และรวมถึงสายพันธุ์อื่น ๆ ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศว่าเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่าไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนจะไม่ส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 2.45% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ทะยานขึ้น 3.72% หุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 1.12% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 1.48%
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางขนาดใหญ่ 3 แห่งของโลกในสัปดาห์หน้า โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมในวันที่ 14-15 ธ.ค. ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะจัดการประชุมพร้อมกันในวันที่ 16 ธ.ค.
รวมทั้ง ยังจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ โดยดัชนี CPI เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งหากสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ก็จะเป็นปัจจัยที่ทำให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐลดลง 17.6% สู่ระดับ 6.71 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.68 หมื่นล้านดอลลาร์