. นักลงทุนวิตกกังวลดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอย
.ตลาดแรงงานแสดงอาการอ่อนแอ หลังตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงน้อยกว่าคาด
. ภาวะเศรษฐกิจโลกขะลอ IMF คาดเศรษฐกิจโลกโตไม่ถึง 3% ในปีนี้
เมื่อเวลาประมาณ 22.20 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 33,410.25 จุด ลดลง
72.47 จุด หรือ -0.22% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,995.60 จุด ลดลง 1.26 จุด หรือ -0.01% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,084.45 จุด ลดลง 5.93 จุด หรือ -0.14%
นักลงทุนวิตกกังวลว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมานั้นอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยหลักฐานล่าสุดคือรายงานของออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ซึ่งระบุว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 145,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 210,000 ตำแหน่ง หลังจากพุ่งขึ้น 261,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ.
ขณะเดียกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 18,000 ราย สู่ระดับ 228,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 200,000 ราย ซึ่งส่งสัญญาณว่าตลาดแรงงานกำลังชะลอตัวลง
สอดคล้องกับ IMF คาดเศรษฐกิจโลกโตไม่ถึง 3% ในปีนี้ กังวลประเทศรายได้น้อยกระทบหนัก โดยนางคริสตาลินา กอร์เกียวา กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกน่าจะโตไม่ถึง 3% ในปี 2566 ชะลอตัวลงจากที่โต 3.4% เมื่อปีที่ผ่านมา และคาดว่าเศรษฐกิจจะโตทรงตัวที่ 3% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า
โดยเป็นตัวเลขคาดการณ์การเติบโตระยะกลางที่น้อยที่สุดเท่าที่ IMF เคยประเมินมาตั้งแต่ปี 2533 ทั้งยังน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 3.8% โดยนางคริสตาลินาได้แสดงความกังวลว่า การชะลอตัวลงนี้อาจส่งผลกระทบเป็นพิเศษต่อประเทศรายได้น้อย เพราะเสี่ยงทำให้ประชาชนหิวโหยและยากจนมากกว่าเดิม
นอกจากนี้ นางคริสตาลินายังมองว่า การที่แบงก์ชาติประเทศต่าง ๆ แห่ขึ้นดอกเบี้ย ประกอบกับการที่ธนาคารหลายแห่งล้มละลาย และปัญหาทางการเมือง ก็กำลังบั่นทอนเสถียรภาพในโลกการเงินด้วย ขณะที่วิกฤติหนี้สินในประเทศกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่ทำให้ประเทศเหล่านี้โตได้ยาก เพราะมีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น
ตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดทำการในวันพรุ่งนี้ (7 เม.ย.) เนื่องในวัน Good Friday แต่ก็จะมีการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมี.ค.ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้เช่นกัน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 238,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 311,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.6% ในเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่สหรัฐในสัปดาห์หน้า ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน และซิตี้กรุ๊ป เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มความแข็งแกร่งของภาคธนาคาร หลังจากการล้มละลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) ได้สร้างความตื่นตระหนกในช่วงที่ผ่านมา
