

.นักวิเคราะห์คาดธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)ยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อ
.นักลงทุนชะลอการซื้อขายกังวลดอกเบี้ยขึ้นต่อเนื่อง กดดันภาวะเศรษฐกิจถดถอย
.จับตาตัวเลขเงินเฟ้อ รวมทั้งรายงานการประชุมของเฟดที่จะมีการเปิดเผยในวันพุธที่ 12 เม.ย.
เมื่อเวลาประมาณ 21.50 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 33,460.96 จุด ลดลง 24.33 จุด หรือ -0.07% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,982.46 จุด ลดลง 105.50 จุด หรือ -0.87% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,082.19 จุด ลดลง 22.83 จุด หรือ -0.56%
นักลงทุนกังวลผลของการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจทำให้เศรษฐกิจถดถอย หลังดัชนีชี้วัดภาคการใช้จ่ายชะลอตัวลงชัดเจนขึ้น ทั้งนี้ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ พุ่งขึ้นกว่า 8% ในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve ในวันนี้ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นดีดตัวเหนือพันธบัตรระยะยาว ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 6 เดือน ใกล้แตะระดับ 5% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อนโยบายการเงินของเฟด ปรับตัวใกล้ 4% และอยู่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีและ 30 ปี
นอกจากนั้น ข้อมูลจาก Refinitiv IBES ระบุว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บริษัทขนาดใหญ่จะรายงานตัวเลขกำไรหดตัวลง 5.2% ในไตรมาส 1/2566 หลังจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้น 1.4% ในไตรมาสดังกล่าว โดยบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐจะเริ่มรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารขนาดใหญ่ ได้แก่ เจพีมอร์แกน เชส, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โกจะรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2566 ในวันศุกร์
ซิตี้กรุ๊ปออกรายงานคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีก 3 ครั้งในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดแตะระดับสูงสุด 5.50-5.75% ท่ามกลางเงินเฟ้อที่พุ่งสูง และตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง นอกจากนั้น การเปิดเผยตัวเลข CPI ในสัปดาห์นี้ที่อาจดีดตัวขึ้น 0.5% เมื่อเทียบรายเดือน
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 71.9% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค. และให้น้ำหนักเพียง 28.1% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.75-5.00%