

.นักลงทุนซื้อหุ้นสะสม คาดการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ไม่ขึ้นดอกเบี้ยแรง
.ตลาดคาด ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2 ออกมาดีกว่าที่คาด
.ธนาคารกลางรัสเซียประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1.50% วันนี้มากกว่านักวิเคราะห์คาด
เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 32,117.53 จุด เพิ่มขึ้น80.63 จุดหรือ +0.25% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,990.01 จุด ลดลง 69.60 จุด หรือ -0.58% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500เคลื่อนไหวที่ระดับ 3,997.74 จุด ลดลง 1.21 จุด หรือ -0.03%
นักลงทุนยังคงซื้อหุ้นสะสม จับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐในสัปดาห์หน้า โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 ในวันที่ 28 ก.ค.
นอกจากนั้น นักลงทุนยังจับตาการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนใสไตรมาสที่ 2 โดยถึงขณะนี้บริษัทราว 21% ในดัชนี S&P 500 ได้เปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 2 แล้ว ซึ่งราว 70% ในจำนวนดังกล่าวได้รายงานกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
ราคาหุ้นบริษัทสแนป อิงค์ ซึ่งเป็นเจ้าของแอป Snapchat ดิ่งลง 35% หลังเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง เช่นเดียวกับบริษัททวิตเตอร์ อิงค์ ที่เปิดเผยรายได้ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 2 โดยได้รับผลกระทบจากรายได้โฆษณาที่ลดลง รวมทั้งข่าวที่ว่านายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลา อิงค์ ประกาศยกเลิกข้อตกลงซื้อกิจการทวิตเตอร์
ทั้งนี้ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวานนี้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2543 เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่รุนแรงกว่าที่ ECB ส่งสัญญาณในเดือนมิ.ย.ว่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเพียง 0.25% ในเดือนก.ค.
ขณะที่ธนาคารกลางรัสเซียประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1.50% สู่ระดับ 8.0% ในการประชุมวันนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันนี้มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดเพียง 0.50% และเป็นปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 5 ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนลดคาดการณ์เกี่ยวกับการที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมเดือนนี้ หลังมีการเปิดเผยข้อมูลที่ระบุว่าผู้บริโภคได้ลดคาดการณ์เงินเฟ้อ ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดบางรายแสดงความเห็นสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.75% ในเดือนนี้ แทนที่จะปรับขึ้นอย่างรุนแรงถึง 1.00%