

- ตลาดหุ้นจับตาถ้อยแถลง ประธานเฟด และ รัฐมนตรีคลังสหรัฐต่อวุฒิสภา
- หาสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐ -การใช้นโยบายทางการเงินและการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจ
- อินเทล ทุ่มลงทุน ประกาศ หวังทวงคืนตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรมทำดัชนีคึกคัก
เมื่อเวลา 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 32,759.41 จุด เพิ่มขึ้น336.26 จุด หรือ +1.04% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 13,235.11 จุด เพิ่มขึ้น 7.42 จุด หรือ +0.06%ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,937.65 จุด เพิ่มขึ้น 27.13 จุด +0.69%
ตลาดหุ้นจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ซึ่งจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้ โดยนักลงทุนรอดูวิสัยทัศน์เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และความต่อเนื่องของการใช้นโยบายทางการเงินและการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
นักลงทุนหันกลับมาซื้อหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังราคาลดลงในช่วงก่อนหน้า และมองว่าภาพรวมเศรษฐกิจยังเป็นการฟื้นตัว โดยหุ้นเมซี และหุ้นโบอิ้งปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังปรับขึ้นต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากการดีดขึ้นของหุ้นอินเทล คอร์ป หลังจากที่บริษัทได้ประกาศแผนการเชิงรุกในการขยายกำลังการผลิต หวังทวงคืนตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ อินเทล ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ประกาศแผนลงทุน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์แห่งใหม่จำนวน 2 แห่งในรัฐแอริโซนา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การพลิกฟื้นธุรกิจครั้งใหญ่
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 1.1% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.5% ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.8%
ขณะที่ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ ลดลง 0.8% ในเดือนก.พ. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนม.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่าการร่วงลงของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนอาจเป็นเพียงชั่วคราว โดยชี้ว่ายอดสั่งซื้อที่ลดลงในเดือนก.พ.นั้นเป็นเพราะสภาพอากาศที่หนาวจัดรุนแรงกว่าปกติ และคาดว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนน่าจะกลับมาดีดตัวขึ้นได้อีกครั้งหลังจากที่สหรัฐได้ผ่านพ้นฤดูหนาว
ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของสหรัฐ อยู่ที่ระดับ 59.1 ในเดือนมี.ค. ลดลงเล็กน้อยจากระดับ 59.5 ในเดือนก.พ.ดัชนี PMI ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐมีการขยายตัว โดยได้รับแรงหนุนจากกิจกรรมในภาคบริการ ซึ่งดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐอยู่ที่ 60.0 ในเดือนมี.ค. พุ่งขึ้นจากระดับ 59.8 เมื่อเดือนก.พ. แตะระดับสูงสุดในรอบ 80 เดือน ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐอยู่ที่ 59.0 ในเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 58.6 ในเดือนก.พ.