ดาวโจนส์ปรับขึ้นกว่า 70 จุด จับตาการประชุมเฟดคืนพรุ่งนี้



.นักลงทุนการตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

.นักวิเคราะห์คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประกาศผลวันพุธนี้

.ตลาดจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศออกมาเพิ่มเติม

เมื่อเวลาประมาณ 22.10 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,049.07 จุด เพิ่มขึ้น
70.99 จุด หรือ +0.21% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,543.75 จุด ลดลง 77.95 จุด หรือ -0.67% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,061.45 จุด ลดลง 9.11 จุด หรือ -0.22%

นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการประกาศในคืนวันพุธ รวมทั้งถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งจะส่งสัญญาณทิศทางนโยบายการเงินของเฟดในปีนี้

ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ทั้งในการประชุมรอบนี้ และในเดือนมี.ค. รวมทั้งจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้

นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.0% ในปีนี้ ต่ำกว่าที่เฟดส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่าจะปรับขึ้นสู่ระดับ 5.1% หรือเทียบเท่ากับช่วงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ย 5.00-5.25%

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50%-4.75% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. และจะปรับขึ้นอีก 0.25% สู่ระดับ 4.75%-5.00% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. ก่อนที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าว

นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 28-29 ก.ย. ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้ โดยก่อนหน้านี้เฟดส่งสัญญาณว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในปี 2567

ทั้งนี้ เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากถึง 7 ครั้งในปีที่แล้ว โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 1 ครั้ง, 0.50% จำนวน 2 ครั้ง และ 0.75% จำนวน 4 ครั้ง ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 4.25% โดยล่าสุดคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนธ.ค.2565 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี