

.ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้น นักลงทุนซื้อหุ้นกลับหลังปัจจัยลบคลี่คลาย
.ประธานเฟดระบุไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ผิดนัดชำระหนี้ไม่กระทบสหรัฐ
.เฟดมุ่งมั่นใช้เครื่องมือทั้งหมดหนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐ-ไม่กำหนดลดQE
เมื่อเวลา 21.55 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,772.47 จุด เพิ่มขึ้น 514.15 จุด หรือ +1.50% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 15,057.30 จุด เพิ่มขึ้น 160.46 จุด หรือ +1.08% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,455.06 จุด เพิ่มขึ้น 59.42 จุด หรือ +1.35%
นักลงทุนซื้อหุ้นกลับขานรับการคงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง โดยคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำและยังไม่กำหนดการลดการใช้มาตรการ การซื้อพันธบัตร หรือ QE ขณะที่ มองว่า เอเวอร์แกรนด์ ไม่กระทบเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างที่คาดไว้ ขณะที่ตัวเลขการผู้ขอสวัสดิการว่างงานล่าสุดเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2
ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อวานนี้ (22 ก.ย.) โดยระบุว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงเวลาที่กำลังเผชิญกับความท้าทายในขณะนี้ โดยเฟดเชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนการจ้างงานให้ขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพ และบรรลุเป้าหมายในการรักษาเสถียรภาพด้านราคา
ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความเห็นต่อกรณีที่บริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป มีแนวโน้มที่จะผิดนัดชำระหนี้ว่า เขาเชื่อว่าการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับสองของจีนรายนี้จะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงกับสหรัฐ แต่ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อภาวะการเงินทั่วโลก
“สถานการณ์ของเอเวอร์แกรนด์มีผลกระทบต่อจีนมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากหนี้สินที่สูงมาก ส่วนในสหรัฐนั้น การผิดนัดชำระหนี้ของภาคเอกชนอยู่ในระดับที่ต่ำมากในขณะนี้ ดังนั้นผมจึงมองว่า ปัญหาหนี้สินของเอเวอร์แกรนด์อาจส่งผลกระทบต่อภาวะการเงินโลกในแง่ของการที่ประชาชนขาดความเชื่อมั่น” นายพาวเวลกล่าว
อย่างไรก็ตาม ฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับลดคาดการณ์ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนในปีนี้ลงสู่ระดับ 8.1% จากระดับ 8.4% โดยระบุว่าการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์จีนจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ภายในประเทศ