.ตลาดหุ้นเคลื่อนไหวในแดนบวก รอการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐสำคัญๆ พรุ่งนี้
.นักลงทุนจับตาศึกราคาน้ำมัน หลังสหรัฐและชาติพันธมิตรระบายน้ำมันสำรองเข้าตลาด
.ติดตามความเคลื่อนไหวกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปกพลัส)
เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ35,689.44 จุด เพิ่มขึ้น
70.19 จุด หรือ +0.20% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 15,886.99 จุด เพิ่มขึ้น 32.23 จุด หรือ +0.20% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,693.25 จุด เพิ่มขึ้น 10.31 จุด หรือ +0.22%
ตลาดหุ้นสหรัฐเคลื่อนไหวแคบๆ ในแดนบวก นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐสำคัญๆ ในวันพรุ่งนี้ รวมทั้งรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 2-3 พ.ย. หลังจากนั้นตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปิดทำการในวันพฤหัส ซึ่งเป็นขอบคุณพระเจ้า และเปิดครึ่งวันในวันศุกร์
ตลาดยังจับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศในวันนี้ว่า สหรัฐฯ จะระบายน้ำมันดิบจำนวน 50 ล้านบาร์เรลออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในตลาด
ทั้งนี้ สหรัฐพยายามโน้มน้าวให้ประเทศต่างๆ ทำการระบายน้ำมันจากคลังสำรอง หลังจากที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ปฏิเสธข้อเรียกร้องของสหรัฐที่ต้องการให้โอเปกพลัสเพิ่มการผลิตน้ำมันมากกว่า 400,000 บาร์เรล/วัน
โดยสหรัฐฯ จะระบายน้ำมันดิบร่วมกับสหราชอาณาจักร จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย ซึ่งถือเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นครั้งแรกในการดำเนินมาตรการดังกล่าว
กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า ขณะนี้ SPR มีน้ำมันดิบรวม 604.5 ล้านบาร์เรล และน้ำมันดิบที่ถูกระบายออกมาจะเข้าสู่ตลาดภายในเวลา 13 วัน หลังจากที่ประธานาธิบดีมีคำสั่งดังกล่าว
ซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐและชาติพันธมิตรอาจระบายน้ำมันรวม 100-120 ล้านบาร์เรลออกสู่ตลาด โดยสหรัฐจะระบายน้ำมัน 45-60 ล้านบาร์เรล, จีน 30 ล้านบาร์เรล, อินเดีย 5 ล้านบาร์เรล, ญี่ปุ่น 10 ล้านบาร์เรล และเกาหลีใต้ 10 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ดี คาดว่ามาตรการระบายน้ำมันจากคลังสำรองจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในตลาดเพียง 2-3 สัปดาห์
ด้านผลประกอบยังออกมาดี เบสท์บาย ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกสินค้าอิเลกทรอนิกส์รายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 3 โดยรายงานกำไรที่ระดับ 2.08 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.91 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่บริษัทมีรายได้ที่ระดับ 1.191 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.158 หมื่นล้านดอลลาร์
