ดาวโจนส์บวกเล็กน้อย ตลาดไร้ทิศทาง หลังการเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯ ส่อไม่ลงตัว

  • นักลงทุนชะลอการลงทุน รอดูความชัดเจนหลังจีนขอเจรจาเพิ่ม
  • ด้านสหรัฐฯ โต้หากถึงวันที่ 15 ต.ค.ยังไม่มีข้อตกลงใหม่-กลับไปขึ้นภาษี
  • จับตาความคืบหน้า Brexit หวั่นกระทบเศรษฐกิจโลก

เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวอยู่ที่ 26,846.56 จุด บวกเพิ่มขึ้นเพียง 29.97 จุด หรือ +0.11% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวอยู่ที่ 2,968.67 จุด ลดลง -1.60 จุด หรือ -0.05% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิท เคลื่อนไหวอยู่ที่ 8,059.69 จุด เพิ่มขึ้น 2.65 จุด หรือ +0.03%

การลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลังเลและไร้ทิศทาง ทั้งแดนบวกและลบโดยนักลงทุนชะลอการลงทุน เพื่อรอดูความชัดเจนของความคืบหน้าข้อตกลงเบื้องต้น หลังการเจรจาการค้าระหว่างจีน และสหรัฐฯ ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด

หลังที่หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวหลังการเจรจากับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีนว่า สหรัฐและจีนได้บรรลุข้อตกลงการค้าที่สำคัญขั้นแรกโดยบรรลุข้อตกลงในด้านทรัพย์สินทางปัญญา บริการทางการเงิน และการซื้อสินค้าเกษตรจำนวนมาก รวมทั้ง สหรัฐฯจะยกเลิกการขึ้นภาษีตามกำหนดการเดิมที่จะปรับขึ้นลอตแรก ในวันที่ 15 ต.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม ทางการจีนขอเวลาในการหารือเพิ่มเติม และอาจจะยังไม่มีการลงนามในขณะนี้ แต่จะสรุปข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อให้ผู้นำทั้งสองประเทศลงนามร่วมกันได้ในการประชุมสุดยอดผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปค) ในเดือนหน้าที่ประเทศชิลี

และล่าสุด นายสตีเฟน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เปิดเผยว่า ตนและนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ หัวหน้าผู้แทนการค้าสหรัฐ มีแผนที่จะพูดคุยกับรองนายกรัฐมนตรี หลิว เหอ ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้แทนเจรจาการค้าของจีน ในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน พร้อมเผยด้วยว่า การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ จะมีผลบังคับใช้ตามกำหนด หากยังไม่มีการลงนามข้อตกลงระหว่างสองประเทศเกิดขึ้นเมื่อถึงเวลานั้น แต่ยังหวังว่าจะมีการทำข้อตกลงกันได้

นอกจากนั้น นักลงทุนยังโอกาส และความเป็นไปได้ของการเจรจาเพื่อหาของตกลงการออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร หรือ Brexit ว่าจะออกมาในทิศทางใด โดยเป็นอีกปัจจัยที่นักลงทุนกังวลว่าจะกระทบต่อภาพรวมการขยายตังของเศรษฐกิจโลก