- ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 1.9% ในเดือนก.ย. ปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 5 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
- ไฟเซอร์ อิงค์ แถลงจะจดทะเบียนวัคซีนต้านควิด-19 ต่อFDA ในช่วงปลายเดือนพ.ย.
- นักลงทุนกลับมาช้อนซื้อหุ้น หลังมองภาวะเศรษฐกิจมีโอกาสดีขึ้น
เมื่อเวลา 21.45 น.ตามเวลาประเทศไทย ตลาดหุ้นสหรัฐเคลื่อนไหว ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ 28,803.62 จุด เพิ่มขึ้น 309.42 จุด หรือ +1.09% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,806.84 จุด เพิ่มขึ้น 92.96 จุด หรือ +0.79% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี500 อยู่ที่ระดับ 3,511.91 จุด เพิ่มขึ้น 28.57 จุด หรือ +0.82%
นักลงทุนกลับมาช้อนซื้อหุ้นอีกครั้ง หลังจากตลาดลดลงต่อเนื่องในช่วง 3 วันที่ผ่านมา โดยมีความมั่นใจการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดี และมีความคืบหน้้าของการผลิตวัคซีอีกครั้ง
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 1.9% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 5 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.7% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนส.ค. โดยยอดค้าปลีกดีดตัวขึ้นในเดือนก.ย. โดยได้แรงหนุนจากยอดขายเสื้อผ้า
ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น1.5% ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4%
ขณะที่ราคาหุ้นโบอิ้งพุ่งขึ้หลังจากที่สหภาพยุโรป (EU) ประกาศในวันนี้ว่า เครื่องบินโบอิ้ง737 MAX มีความปลอดภัยที่จะขึ้นบิน หลังจากมีการสั่งห้ามบินนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว
นายแพทริก ไค กรรมการบริหารของสำนักงานความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (EUASA) ระบุว่า เขามีความพอใจต่อการที่บริษัทโบอิ้งได้ทำการเปลี่ยนแปลงเครื่องบินรุ่นดังกล่าว และ EU จะเปิดน่านฟ้าสำหรับเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX ก่อนสิ้นปีนี้ หลังจากถูกห้ามบินมาเกือย 2 ปี
ด้านบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ แถลงในวันนี้ว่า ทางบริษัทจะยื่นจดทะเบียนวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ในช่วงปลายเดือนพ.ย. โดยไฟเซอร์ระบุว่า การยื่นจดทะเบียนวัคซีนจะเกิดขึ้น ทันทีที่มีข้อมูลยืนยันผลการทดลองว่ามีความปลอดภัย โดยอาจมีการยื่นจดทะเบียนในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน พ.ย.
แม้ว่าไฟเซอร์ไม่สามารถวางจำหน่ายวัคซีนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย. แต่การยื่นจดทะเบียนดังกล่าวจะทำให้สหรัฐมีวัคซีนต้านโควิด-19 ภายในปีนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการสกัดการแพร่ระบาดในสหรัฐ โดยขณะนี้มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดมากกว่า 8,200,000 ราย เสียชีวิตมากกว่า 222,000 ราย โดยข่าวความคืบหน้าดังกล่าวทำให้นักลงทุนกลับมาลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลดีจากการเปิดเศรษฐกิจ และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอีกครั้ง
