

.หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวดีขึ้น จากการคาดการณ์ผลประกอลการที่ดีขึ้นจากแนวโน้มดอกเบี้ย
.เจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่คาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2565
.ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกล่าสุดเพิ่มขึ้น 18,000 ราย สูงกวานักวิเคราะห์คาด
เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 36,031.55จุด เพิ่มขึ้น
104.12 จุด หรือ +0.29% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 15,487.66 จุด ลดลง 77.93 จุด หรือ -0.50% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,707.78 จุด ลดลง 2.07 จุด หรือ -0.04%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเคลื่อนไหวผันผวน โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับขึ้นต่อ โดยหุ้นกลุ่มธนาคารที่ดีดตัวขึ้น รับคาดการณ์ช่วงขาขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะเป็นแรงหนุนต่อผลประกอบการของภาคธนาคาร อย่างไรก็ตาม มีแรงเทขายหุ้นเทคโนโลยี และแรงขายหุ้นทำกำไรออกมาบางส่วน
ทั้งนี้ ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% และประกาศว่าจะเพิ่มการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เป็นเดือนละ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ เริ่มตั้งแต่เดือนม.ค.2565 โดยการปรับลดวงเงิน QE ของเฟดจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเดิมเดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะส่งผลให้เฟดยุติการทำ QE ในเดือนมี.ค.2565
นอกจากนี้ ในการคาดการณ์ทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่คาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2565 และปรับขึ้นดอกเบี้ยจำนวน 2 ครั้งในปี 2566 และปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในปี 2567
ขณะเดียวกัน ตัวเลขคนว่างงานกลับมาเพิ่มมากกว่าคาด โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 18,000 ราย สู่ระดับ 206,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 195,000 ราย อย่างไรก็ตาม เลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลงสู่ระดับ 203,750 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.2512
ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลง 154,000 ราย สู่ระดับ 1.845 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเดือนมี.ค.2563