

.ตลาดหุ้นเคลื่อนไหวผันผวนติดตามทิศทางอัตราดอกเบี้ย แต่คาดเฟดยังตรึงดอกเบี้ยในการประชุมปลายเดือนนี้
.นักลงทุนจับตาหวั่นดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธที่ 13 ก.ย.นี้พุ่งขึ้น
.ราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นอีกครั้ง หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯลดลงมากกว่าคาด
เมื่อเวลาประมาณ 21.50 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,598.37 จุด เพิ่มขึ้น 97.64 จุด หรือ 0.28% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ 4,468.42 จุด เพิ่มขึ้น 17.28 จุด หรือ 0.39% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส อยู่ที่ 13,806.04 จุด เพิ่มขึ้น 57.20 จุด หรือ 0.42%
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวแคบ แต่ยังยืนได้ในแดนบวหนักลงทุนซื้อขายอย่างระมัดระวัง ก่อนการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อในสัปดาห์หน้า ตลาดจับตาดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธที่ 13 ก.ย.
โดยดัชนีดังกล่าวเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค และเป็นปัจจัยบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 19-20 ก.ย.
ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมรอบนี้ แต่เพิ่มน้ำหนักในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.50-5.75% ในการประชุมเดือนพ.ย. หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคบริการที่แข็งแกร่ง รวมทั้งตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำสุดในรอบ 7 เดือน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI กลับมาดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 87 ดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันตึงตัว
โดยสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนต.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX บวก 0.43 ดอลลาร์ หรือ 0.49% สู่ระดับ 87.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียประกาศขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้ ขณะที่รัสเซียขยายเวลาปรับลดการส่งออกน้ำมันสู่ระดับ 300,000 บาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้เช่นกัน ขณะที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 6.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 5.6 ล้านบาร์เรล