

.ตลาดหุ้นสหรัฐส่งสัญญาณฟื้นตัวอีกครั้ง หลังร่วงลงติดกัน 6 วันทำการ
.วุฒิสภาสหรัฐลงมติวานนี้ให้นายเจอโรม พาวเวล ขึ้นประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สมัยที่ 2
.รมว.คลังสหรัฐ ยาหอม เชื่อเฟดคุมเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลงโดยไม่ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
เมื่อเวลาประมาณ 21.50 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 32,147.90 จุด เพิ่มขึ้น
417.60 จุด หรือ +1.32% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,748.02 จุด เพิ่มขึ้น 377.06 จุด หรือ +3.32%
ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,015.65 จุด เพิ่มขึ้น 85.57 จุด หรือ +2.18%
นักลงทุนกลับใสช้อนซื้อหุ้นหลังจากราคาดิ่งลงมากในช่วงก่อนหน้า ส่งสัญญาณตลาดหุ้นจะฟื้นตัวขึ้น หลังดัชนีร่วงลงติดต่อกัน 6 วันทำการ อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นของบริษัททวิตเตอร์ อิงค์ดิ่งลงกว่า 10% สวนทางตลาด หลังจากที่นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลา อิงค์ ประกาศพักการเจรจาซื้อกิจการทวิตเตอร์ จนกว่าเขาจะได้รับข้อมูลมากขึ้นเกี่ยวกับจำนวนบัญชีปลอมบนทวิตเตอร์
ทั้งนี้ หากนายมัสก์ตัดสินใจยกเลิกการเจรจาข้อตกลงซื้อกิจการทวิตเตอร์ เขาจะต้องจ่ายค่าฉีกสัญญาจำนวน 1 พันล้านดอลลาร์ให้แก่ทวิตเตอร์
ตลาดได้รับปัจจัยบวก หลังวุฒิสภาสหรัฐลงมติวานนี้ให้นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดำรงตำแหน่งประธานเฟดเป็นสมัยที่ 2 ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า เฟดสามารถควบคุมเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลงโดยไม่ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นางเยลเลนกล่าวว่า ปัจจัยที่จะช่วยให้สหรัฐไม่เผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย ได้แก่ ตลาดแรงงานและภาคธนาคารที่แข็งแกร่ง, สถานะการเงินของภาคครัวเรือน และอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ
อย่างไรก็ตาม นายพาวเวลมีภารกิจที่ยากลำบากรออยู่ข้างหน้าในการสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปีโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐประสบภาวะถดถอย หลังจากหดตัวลง 1.4% ในไตรมาส 1/65
นายพาวเวลยอมรับว่าเขาไม่สามารถให้การรับประกันว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือ soft landing ขณะที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินอีก 2 ครั้ง ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค. หลังจากที่เฟดเพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนพ.ค. เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2543 และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี
นอกจากนี้ เฟดเตรียมปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิ.ย. ซึ่งเฟดจะลดขนาดงบดุลในวงเงิน 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และหลังจากนั้น 3 เดือน เฟดจะเพิ่มการลดขนาดงบดุลเป็น 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน