.นักลงทุนกลับมาช้อนซื้อหุ้น หลังดัชนีลดลงแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา
. ตลาดจับตาดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้
.รอผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า ลด-ไม่ลดQE
เมื่อเวลา 22.10 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,856.29 จุด เพิ่มขึ้น 248.57 จุด หรือ +0.72% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 15,061.13 จุด ลดลง 54.37จุด หรือ -0.36% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,458.30 จุด ลดลง 0.28 จุด หรือ -0.01%
นักลงทุนติดตามการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า โดยยังมีความกังวลว่า เฟดจะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นเกินคาด ทั้งนี้ ตลาดจับตาดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ เพื่อยืนยันทิศทางเงินเฟ้อในสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม หลังจากดัชนีตลาดร่วงลงต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา เปิดตลาดสัปดาห์นี้เริ่มมีแรงช้อนซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุนบางกลุ่ม โดยหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มธุรกิจเรือสำราญและกลุ่มสายการบิน และหุ้นกลุ่มธนาคารต่างปรับตัวขึ้น
ราคาหุ้นของบริษัทแอปเปิล อิงค์พุ่งขึ้น 1% ในการซื้อขายวันนี้ ก่อนการจัดอีเวนต์เปิดตัว iPhone 13 พรุ่งนี้ ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นตาม
ทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแอปเปิล ได้ส่งการ์ดเชิญงานแก่สาธารณชน โดยคาดว่าจะเป็นเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ Apple Watch Series 7 และ AirPods 3ในวันพรุ่งนี้เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือช่วงเที่ยงคืนย่างเข้าสู่วันที่ 15 ก.ย.ตามเวลาไทย
ทั้งนี้ คาดว่า iPhone รุ่นใหม่จะมีชื่อเรียกว่า iPhone 13 โดยจะมี 4 รุ่นคือ iPhone 13, iPhone 13 mini, iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max และจะมีราคาเริ่มต้นเท่ากับ iPhone 12 ทุกรุ่นที่ได้เปิดตัวไปในเดือนต.ค.ปีที่แล้ว
โดยราคา iPhone 13 เริ่มต้นที่ 799 ดอลลาร์, iPhone 13 mini อยู่ที่ 699 ดอลลาร์, iPhone 13 Pro อยู่ที่ 999 ดอลลาร์ และ iPhone 13 Pro Max อยู่ที่ 1,099 ดอลลาร์ และจะเริ่มเปิดรับ pre-order ของ iPhone 13 สำหรับประเทศในกลุ่ม tier-1 ซึ่งรวมถึง สหรัฐ สหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย จีน และญี่ปุ่น ในวันที่ 17 ก.ย. และเริ่มวางจำหน่ายในแอปเปิลสโตร์ในวันที่ 24 ก.ย.
