ดาวโจนส์ทะยานกว่า 380 จุด คาดหวังวัคซีน-การเมืองไม่ขัดแย้งช่วยเศรษฐกิจฟื้น



  • นักลงทุนซื้อหุ้นต่อเนื่อง คาดหวังวัคซีนสำเร็จช่วยฟื้นเศรษฐกิจ
  • ทรัมป์ ไม่อิดออกเริ่มกระบวนการถ่ายโอนอำนาจให้ไบเดน
  • ตลาดขานรับเยลเลน นั่งคลัง-จับตารายงานการประชุมเฟด

เมื่อเวลา 22.25 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 29,973.33 จุด เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 382.06 จุดหรือ +1.29% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,909.41 จุด เพิ่มขึ้น 28.78 จุด หรือ +0.24% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,610.35 จุด เพิ่มขึ้น 32.76 จุด หรือ +0.92%

ตลาดหุ้นสหรัฐ ยังคงทะยานต่อรับความคาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จากความคืบหน้าของวัคซีนต้านโควิด-19 ที่ทยอยประกาศความสำเร็จในการคิดค้น และผลของการทดลอง รวมทั้ง ข่าวดีทางการเมือง และความคาดหมายต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลอตใหม่ของนายโจ ไบเดน

ทั้งนี้ แอสตร้าเซนเนก้า เปิดเผยว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งทางบริษัทพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด มีประสิทธิภาพ 90% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 ขณะที่ก่อนหน้านี้ไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และ BioNTech ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี ได้ยื่นเรื่องต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เมื่อวันศุกร์ เพื่อขออนุมัติการใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของทางบริษัทเป็นกรณีฉุกเฉินโดยบริษัทระบุว่า วัคซีน BNT162b2 มีประสิทธิภาพมากถึง 95% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 ขณะที่ โมเดอร์นา อิงค์ ประกาศความสำเร็จของวัคซีนเช่นกัน โดยให้ผลสูง 94.5%

ขณะที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้มอบหมายให้นางเอมิลี เมอร์ฟีย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานบริการทั่วไปของสหรัฐ (General Services Administration – GSA) เริ่มกระบวนการถ่ายโอนอำนาจให้แก่คณะบริหารของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐแล้ว ซึ่งทำให้นายไบเดนสามารถเข้าถึงทรัพยากรต่างๆ ที่จำเป็นในการถ่ายโอนอำนาจ เพื่อให้เขาสามารถเข้าทำหน้าที่ในทำเนียบขาวได้อย่างราบรื่นนอกจากนี้ GSA ยังได้อนุมัติเงินกว่า 7 ล้านดอลลาร์เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการถ่ายโอนอำนาจประธานาธิบดีให้กับนายไบเดน

นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับคาดการณ์ที่ว่า นางเจเน็ต เยลเลน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังสหรัฐ ซึ่งจะช่วยเพิ่มแนวโน้มการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

นักลงทุนจับตารายงานการประชุมของเฟดประจำวันที่ 4-5 พ.ย.ที่มีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ เพื่อหาสัญญาณการผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้นของเฟดเพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ด้านตัวเลขเศรษฐกิจ ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 7% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2557 หลังจากเพิ่มขึ้น 5.8% ในเดือนส.ค.