ดาวโจนส์ติดลบกว่า 240 จุด จับตาประชุมเฟด-โอมิครอนแรงกว่าที่คิด



. นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 14-15 ธ.ค.นี้
.คาดเฟดเร่งขยับเข้มมนโยบายการเงิน-ลดวงเงิน QE หลังเงินเฟ้อพุ่ง
.ตลาดกลับมากังวลผลกระทบโควิดโอมิครอน หลังพบคนเสียชีวิตรายแรก

เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 35,722.22 จุด ลดลง
248.77 จุด หรือ -0.69% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 15,583.58 ติดลบ 47.02 จุด หรือ -0.30%
ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,690.21 จุด ลดลง 21.81 จุด หรือ -0.46%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 14-15 ธ.ค.นี้ หลังจากอัตราเงินเฟ้อล่าสุดที่ประกาศออกมาขึ้นสูงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

ก่อนหน้านี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เร็วกว่าที่คาดไว้ ซึ่งจะปูทางให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด โดยเฟดอาจปรับลดวงเงิน QE มากกว่าเดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ โดยเฟดจะมีการหารือกันในการประชุมครั้งนี้

ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ ออกรายงานคาดการณ์ว่า เฟดจะเพิ่มการปรับลดวงเงิน QE เป็นเดือนละ 30,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเดิมเดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ โดยจะปูทางให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.2565 ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่ที่สหรัฐเผชิญการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2563

ทางด้าน FedWatch Tool ของ CME Group ซึ่งวิเคราะห์การซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐ บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็นครั้งแรกในเดือนพ.ค.หรือมิ.ย.2565 และมีแนวโน้ม 61% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2565

ขณะเดียวกัน ตลาดกลับมากังวลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน หลังมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดของอังกฤษออกรายงานระบุว่า การฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ หรือแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 2 เข็ม อาจไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน

รวมทั้งรายงานล่าสุดที่นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวยืนยันในวันนี้ว่า มีผู้ป่วยโควิด-19 รายหนึ่งในอังกฤษได้เสียชีวิตลง หลังติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งถือเป็นการทำลายความเชื่อเดิมที่ว่า ไวรัสโอมิครอนจะไม่ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการรุนแรงจนเสียชีวิต