ดาวโจนส์ติดลบกว่า 170 จุด รอสัญญาณเฟดกระตุ้นเศรษฐกิจ 



  • นักลงทุนจับตาแถลงการณ์ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐของประธานเฟด
  • ตั้งความหวังเฟดยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย-กระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง แม้เงินเฟ้อส่อพุ่ง
  • คาดสภาผู้แทนราษฎรจะอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหมภายในสัปดาห์นี้

เมื่อเวลา 20.20 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 31,345.38 จุด ลดลง 176.31 จุด หรือ
ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 13,214.63 จุด ร่วงลงแรง 318.42 จุด หรือ -2.35% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,839.13 จุด ติดลบ 37.37 จุด หรือ -0.96%

ตลาดหุ้นสหรัฐอยู่แดนลบ ขณะที่มีแรงเทขายหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีออกมาต่อเนื่อง ทั้งนี้ นักลงทุนจับตา การกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐของ นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อสภาคองเกรสในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ, อัตราเงินเฟ้อ, ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ รวมทั้งผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

โดยนายพาวเวลจะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 22.00 น.ตามเวลาไทย และต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันพรุ่งนี้ โดยถือเป็นครั้งแรกที่เขาจะกล่าวถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรสชุดใหม่ที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ขณะที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็เป็นรัฐบาลที่มาจากพรรคเดโมแครตเช่นกัน

นักวิเคราะห์คาดว่า นายพาวเวลจะกล่าวถ้อยแถลงที่จะสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดว่าเฟดจะอดทนต่อการปรับตัวขึ้นของภาวะเงินเฟ้อโดยที่เฟดจะยังไม่เร่งรีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากนักลงทุนกังวลว่า สหรัฐจะเผชิญภาวะเงินเฟ้อจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน โดยนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า สภาผู้แทนราษฎรจะอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวภายในสัปดาห์นี้ และวุฒิสภาจะให้การอนุมัติก่อนวันที่ 15 มี.ค. ซึ่งเป็นวันที่มาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะหมดอายุลง

“คาดว่านายพาวเวลจะเน้นย้ำว่าเฟดยังไม่บรรลุเป้าหมายด้านเงินเฟ้อและการจ้างงาน โดยจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ก่อนที่เศรษฐกิจจะมีความคืบหน้าเพียงพอที่จะทำให้เฟดลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)” รายงานของบริษัทยูนิเครดิตระบุ

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 1.381% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.206% ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเช่นกัน

ด้านตัวเลขเศรษฐกิจ ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 10.4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 7 ปี ส่วนดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.1% ในเดือนธ.ค.