- นักลงทุนเทขายเพื่อรอความชัดเจนการลงนามข้อตกลงการค้า
- จับตากระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์
- ตัวเลขเศรษฐทั้งจีน–สหรัฐฯไม่ดีทำหุ้นอุตสาหกรรมร่วง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันฮาโลวีน 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ระดับ 27,046.23 จุด ลดลง 140.46 จุด หรือ-0.52% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,037.56 ลดลง 9.21 จุด หรือ -0.30% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิท ปิดที่8,292.36 จุด ลดลง 11.62 จุด หรือ -0.14%
ทั้งนี้ รายงานข่าวจากสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุว่า เจ้าหน้าที่จีนยีงมีความไม่มั่นใจเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าในระยะยาวกับสหรัฐ ส่งผลให้นักลงทุนยังคงมีความมั่นใจต่อความสำเร็จในการเจรจาเพื่อยุติสงคราการค้้า แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีต ระบุว่า ในอีกไม่ช้า เขาจะประกาศสถานที่ซึ่งเขาจะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับผู้นำจีน
ข้อความในทวิตเตอร์ยังระบุด้ววยว่า “จีนและสหรัฐกำลังดำเนินการร่วมกันในการคัดเลือกสถานที่ใหม่ในการลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรก ซึ่งจะมีเนื้อหา 60% ของข้อตกลงการค้าทั้งหมด หลังจากการประชุมเอเปคในชิลีได้ถูกยกเลิกไป และผมจะประกาศสถานที่ใหม่ในไม่ช้า ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงจะเป็นผู้ลงนามในข้อตกลงดังกล่าว”
นักลงทุนยังจับตา กระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐให้การอนุมัติการวางกรอบการไต่สวนอย่างเป็นทางการ โดยสภาผู้แทนราษฎรลงมติด้วยคะแนนเสียง 232-196 เสียง เห็นชอบต่อญัตติดังกล่าว โดยไม่มีสมาชิกพรรครีพับลิกันแตกแถวลงคะแนนเสียงสนับสนุน
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์การค้าระหว่างจีนและสหรัฐลดลงต่อเนื่อง หุ้นโดยหุ้นโบอิ้ง ดิ่งลง 1.8% หุ้น 3M ร่วงลง 2.01% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ร่วงลง 1.8% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ร่วงลง 1.3% หุ้นฮันนีเวลล์ ลดลง 1.07% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก ร่วงลง 1.2% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ลดลง 0.2% หุ้นอีตัน คอร์ป ลดลง0.5%%
ขณะที่หุ้นเอสเต ลอเดอร์ ผู้ผลิตเครื่องสำอางรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 3.6% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลกำไรในปีงบการเงิน 2562
ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลภาคการผลิตที่ซบเซาของจีนและสหรัฐ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนต.ค.อยู่ที่ระดับ 49.3 ลดลงจากระดับ 49.8 ในเดือนก.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 49.8ขณะที่ MNI Indicators เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโก ร่วงลงสู่ระดับ 43.2 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2558 จากระดับ 47.1 ในเดือนก.ย.
อย่างไรก็ดี หุ้นแอปเปิลและเฟซบุ๊กยังขึ้นแรงสวนตลาด โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 4/2562 ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.ย.2562 ตามปีงบการเงินของบริษัท ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 1.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 3 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เช่นกัน
หุ้นคราฟท์ ไฮนซ์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 13.4% หุ้นดังกิ้น แบรนด์ส กรุ๊ป ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ดังกิ้น โดนัท และบาสกิ้น รอบบิ้นส์ พุ่งขึ้น 6.3% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หุ้นสตาร์บัคส์ ดีดตัวขึ้น 0.4% หลังจากบริษัทยอดขายในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 5% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4%
หุ้นทวิตเตอร์ ขยับขึ้น 0.4% ขณะที่นักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวของทวิตเตอร์อย่างใกล้ชิด หลังจากนายแจ็ค ดอร์ซีย์ ซีอีโอของทวิตเตอร์เปิดเผยว่า ทวิตเตอร์จะห้ามการโฆษณาทางการเมืองบนแพลตฟอร์มของบริษัทในเดือนพ.ย. ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวได้รับการยกย่องจากพรรคเดโมแครต แต่ถูกตำหนิโดยคณะหาเสียงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์