

- นักลงทุนยังจับตาความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน รวมทั้งการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม
- ราคาหุ้นโบอิ้งร่วงลงอย่างหนัก หลังเกิดเหตุเครื่องบินโบอิ้ง 737 ตกในจีน
- ตลาดกังวลดอกเบี้ยพุ่ง หลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงเฟดดาหน้าหนุนขึ้นดอกเบี้ยแรงขึ้น
เมื่อเวลาประมาณ 21.55 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,624.58 จุด ลดลง
130.35 จุด หรือ -0.38% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 13,818.57 จุด ลดลง 75.26 จุด หรือ -0.54%
ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,460.83 จุด ลดลง 2.29 จุด หรือ -0.05%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯผันผวน เคลื่อนไหวทั้งในแดนลบและแดนบวก นักลงทุนยังจับตาสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน โดยการเจรจาเพื่อยุติสงครามยังตกลงกันไม่ได้ระหว่างรัสเซียและยูเครน
ขณะที่ราคาหุ้นโบอิ้งร่วงลงอย่างหนัก หลังเกิดเหตุเครื่องบินโบอิ้ง 737 ของสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส ตกในจีนช่วงบ่ายวันนี้ โดยราคาหุ้นโบอิ้งร่วงลง 5.24% ทั้งนี้ เครื่องบินดังกล่าวมีผู้โดยสารบนเครื่องทั้งหมด 132 คนซึ่งรวมถึงลูกเรือจำนวน 9 คน ขณะเดียวกัน หุ้นสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส ที่จดทะเบียนในสหรัฐ ร่วงลง 8.83% ขณะที่หุ้นเจเนอรัลอิเล็กทริก ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องยนต์ ปรับตัวลดลง 1.17%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังมีรายงานข่าวว่า ชาติสมาชิกสหภาพยุโรปกำลังพิจารณาคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียตามรอยสหรัฐ โดยราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นกว่า 4% ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดน้ำมันที่จะเพิ่มขึ้น หากรัสเซียถูกคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมัน
ตลาดจับตาทิศทางอัตราดอกเบี้ย และนโยบายการเงิน หลังนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% จำนวน 1 ครั้งหรือมากกว่านั้นในปีนี้ เพื่อสกัดเงินเฟ้อ นอกจากนี้ เฟดจำเป็นที่จะต้องเริ่มปรับลดขนาดงบดุลจากปัจจุบันที่ราว 9 ล้านล้านดอลลาร์ โดยควรเริ่มกระบวนการดังกล่าวในการประชุมครั้งหน้า โดยถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดคนที่สองที่มองว่า เฟดจำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่ได้ประกาศไปก่อนหน้า