ดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น 81 จุด มองเศรษฐกิจยังไปต่อได้



.ตลาดหุ้น มองเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีโอกาสถดถอยน้อยกว่าคาด

.นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นต่อเนื่อง มองเฟด อาจจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยแรงอย่างที่คาดไว้

.ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา ชี้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 5.9% ในไตรมาส 3/2566

เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,641.01 จุด
เพิ่มขึ้น 81.03 จุด หรือ 0.23% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ 4,465.26 จุด เพิ่มขึ้น 31.95 จุด หรือ 0.72% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส อยู่ที่ 13,872.13 จุด เพิ่มขึ้น 167.00 จุด หรือ 1.22%


นักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เฟดจะดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวัง โดยการประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันศุกร์ที่ผ่านมา นายพาวเวลกล่าวว่า เงินเฟ้อยังคงอยู่สูงเกินไป และเฟดเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แต่เฟดจำเป็นต้องดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวัง โดยการประเมินข้อมูลที่เฟดได้รับ รวมทั้งแนวโน้มและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น


“การดำเนินการน้อยเกินไปจะทำให้เงินเฟ้อที่อยู่สูงกว่าเป้าหมายของเฟดฝังตัวลึก และจะยิ่งทำให้เฟดต้องใช้นโยบายการเงินเพื่อขจัดเงินเฟ้อออกจากเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน ส่วนการดำเนินการที่มากเกินไปจะทำให้เศรษฐกิจเกิดผลกระทบโดยไม่จำเป็น” นายพาวเวลกล่าว


นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.และเทน้ำหนักมากกว่า 50% ในการคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนพ.ย. และคงอัตราดอกเบี้ย ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนมี.ค.2567


ขณะเดียวกัน วานนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 5.9% ในไตรมาส 3/2566 หลังจากมีการขยายตัว 2.0% และ 2.4% ในไตรมาส 1 และ 2 ตามลำดับ ทั้งนี้ หากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐมีการขยายตัว 5.9% ในไตรมาส 3 ตามที่คาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นการขยายตัวมากกว่า 2 เท่าจากไตรมาส 2 และแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2564


ตลาดจับตาตัวเลข GDP ประจำไตรมาส 2/2566 (ประมาณการครั้งที่ 2) ที่จะมีการเปิดเผยในวันพุธ และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันพฤหัสบดี รวมทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์


นักลงทุนจับตาดัชนี PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)


นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 3.0% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. จากระดับ 0.2% เช่นกันในเดือนมิ.ย. ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าปรับตัวขึ้น 4.2% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 4.1% ในเดือนมิ.ย.


เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.2% จากระดับ 0.2% เช่นกันในเดือนมิ.ย.


นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 170,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. จากระดับ 187,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.5%