

.หุ้นกลุ่มพลังงานพากันดีดตัวขึ้น หลังท่อส่งน้ำมันของบริษัทโคโลเนียล ไปป์ไลน์ ถูกโจมตีทางไซเบอร์
.นักลงทุนยังคงซื้อหุ้นในกลุ่มที่ได้ผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
.แรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังไม่จบ กดดัชนีแนสแด็กดิ่ง
เมื่อเวลา 22.00น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 35,026.68 จุด เพิ่มขึ้น 248.92 จุด หรือ +0.72% อย่างไรก็ตาม ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ติดลบ -225.15 จุด เคลื่อนไหวที่ 13,527.08 จุด หรือ -1.64% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,225.98 จุด ลดลง 6.62 จุด หรือ -0.16%
นักลงทุนยังคงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่หุ้นกลุ่มที่ได้ผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังมีแรงซื้อเข้ามา หลังคลายความวิตก โดยมองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)จะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในเวลาอันใกล้นี้
นอกจากนั้น ตลาดยังมีปัจจัยพิเศษ โดยหุ้นกลุ่มพลังงานพากันดีดตัวขึ้นในการซื้อขายวันนี้ หลังท่อส่งน้ำมันของบริษัทโคโลเนียล ไปป์ไลน์ ซึ่งเป็นท่อส่งน้ำมัขนาดใหญ่ของสหรัฐ ถูกโจมตีทางไซเบอร์
ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐประกาศภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานเพื่อแก้ปัญหาการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง หลังจากท่อส่งน้ำมันของบริษัทโคโลเนียล ไปป์ไลน์ ซึ่งเป็นท่อส่งน้ำมันขนาดใหญ่ของสหรัฐ ถูกโจมตีด้วย ransomware หรือมัลแวร์เรียกค่าไถ่ ซึ่งทำให้การลำเลียงน้ำมันผ่านท่อส่งดังกล่าวต้องหยุดชะงักลง
โดยท่อส่งน้ำมันโคโลเนียล ไปป์ไลน์ ขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงในปริมาณ 2.5 ล้านบาร์เรล/วัน หรือคิดเป็น 45% ของปริมาณการใช้น้ำมันดีเซล, น้ำมันเบนซิน และเชื้อเพลิงอากาศยานในฝั่งตะวันออกของสหรัฐ
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันพุธนี้ ซึ่งหากตัวเลข CPI พุ่งขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็อาจส่งผลให้เฟดชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงิน โดยอาจลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อสกัดเงินเฟ้อ จากปัจจุบันที่เฟดทำ QE อย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน
ก่อนหน้านี้ เฟดเคยส่งสัญญาณลดวงเงิน QE ในปี 2556 ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกต่อนักลงทุน ส่งผลให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทและตลาดหุ้นทั่วโลกทรุดตัวลงอย่างหนักในปีดังกล่าว