

.หุ้นกลุ่มแบงก์ประกาศผลประกอบการดี ช่วยเพิ่มแรงซื้อหุ้นในตลาด
. ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดเดือน ก.ค.ตัวขึ้น ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2564
.นักลงทุนซื้อหุ้นรับการชะลอตัวของเงินเฟ้อ -ตลาดแรงงานที่ยังมีความแข็งแกร่ง
เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,490.60 จุด
เพิ่มขึ้น 95.46 จุด หรือ +0.28% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 14,176.51 จุด เพิ่มขึ้น 37.94 จุด หรือ +0.27%
ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,515.97 จุด เพิ่มขึ้น 5.93 จุด เพิ่มขึ้น +0.13%
ราคาหุ้นเจพีมอร์แกน เชส, เวลส์ ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้นในวันนี้ หลังเปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 2/2566 ช่วยหนุนดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯให้อยู่ในแดนบวกต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ข้อมูลจาก FactSet ระบุว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 จะรายงานตัวเลขกำไรลดลง 7% ในไตรมาส 2/2566 ซึ่งจะเป็นผลประกอบการที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2/2563 ซึ่งขณะนั้นกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 ทรุดตัวลง 31.6%
ส่วนข้อมูลจาก Refinitiv ระบุว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 จะรายงานตัวเลขกำไรลดลง 6.4% ในไตรมาส 2/2566
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้น หลังจากปรับตัวลงติดต่อกัน 2 วัน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 3.803% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี อยู่ที่ระดับ 3.918%
ด้านผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 72.6 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2564 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 65.5 จากระดับ 64.4 ในเดือนมิ.ย. โดยได้รับแรงหนุนจากการชะลอตัวของเงินเฟ้อ และความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน
ทั้งนี้ ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 3.4% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า จากระดับ 3.3% ในการสำรวจเดือนที่แล้ว
สำหรับในช่วง 5 ปีข้างหน้า ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะแตะระดับ 3.1% จากระดับ 3.0% ในการสำรวจเดือนที่แล้ว
ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้ยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ต่ำกว่าคาด โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งในปีนี้ ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 94.9% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. และให้น้ำหนักเพียง 5.1% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25% อย่างไรก็ตาม นักลงทุนให้น้ำหนัก 42.7% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 30-31 ม.ค.2567 โดยให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นจากระดับ 18.0% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว