

.อัตราการว่างงานลดเหลือ 6.2% ในเดือนก.พ. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
.มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
.อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังสูงขึ้น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงถูกเทขายต่อเนื่อง
เมื่อเวลา 21.50 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 31,074.37 จุด เพิ่มขึ้น 150.23 จุด หรือ +0.49% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 12,712.52 จุด ลดลง 10.95 จุด หรือ -0.09% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ3,780.11 จุด เพิ่มขึ้น 11.64 จุดหรือ +0.31%
ตลาดหุ้นสหรัฐดีดขึ้น ขานรับตัวเลขภาคแรงงานที่ดีขึ้น โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 379,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 210,000 ตำแหน่ง
อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 6.2% ในเดือนก.พ. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะทรงตัวที่ระดับ 6.3% ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 465,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาครัฐจ้างงานลดลง 86,000 ตำแหน่ง
กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนม.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 166,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 49,000 ตำแหน่ง และปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนธ.ค. โดยปรับเป็นลดลง 306,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าลดลง 227,000 ตำแหน่ง
หุ้นกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจต่างดีดตัวขึ้นในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดวันนี้ เช่นกลุ่มพลังงาน ธนาคาร และค้าปลีก แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงปรับตัวลง โดยได้รับผลกระทบจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีทะยานขึ้นเหนือระดับ 1.6% แตะระดับสูงสุดในปีนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานดังกล่าว
นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติให้ความเห็นชอบต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา ก่อนที่จะส่งให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามรับรองเป็นกฎหมาย
นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ คาดว่ากระบวนการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเสร็จสิ้นก่อนวันที่ 15 มี.ค. ซึ่งเป็นวันที่มาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะหมดอายุลง รวมทั้งจับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐ ในวันที่ 16-17 มี.ค.นี้