

.นักลงทุเทขายหุ้นทำกำไร หลังดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวแรงกว่า 1,200 จุดวานนี้
.ตลาดจับตาเศรษฐกิจจีนหลังมีแนวโน้มส่งสัญญาณเปิดประเทศ และหารเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และจีน
.ค่าเงินดออลาร์ที่กลับมาอ่อนค่า ช่วยลดความกังวลต้นทุนภาคธุรกิจพุ่งแรง
เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 33,628.42 จุด ลดลง
86.95 จุด หรือ -0.26% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,158.68 จุด เพิ่มขึ้น 44.53 จุด หรือ +0.40%
ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ3,960.93 จุด เพิ่มขึ้น 4.56 จุด หรือ +0.12%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวน โดยมีแรงขายออกมาเพื่อทำกำไร หลังดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวแรงกว่า 1,200 จุดวานนี้ หลังการประกาศอัตราเงินเฟ้อ หรือ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือน ต.ค.ที่ต่ำกว่าคาด ทำให้ตลาดหุ้นกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังตลาดคาดว่า เงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว และจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม ดัชนีแนสแด็ก และเอสแอนด์พียังเคลื่อนไหวได้ในแดนบวก ทั้งนี้ ได้รับปัจจัยบวกค่าเงินดอลอลาร์กลับมาอ่อนค่าอีกครั้ง ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนลดความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และยังช่วยเพิ่มเพิ่มกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้จากต่างประเทศ
นักลงทุนจับตาเศรษฐกิจจีนหลังมีแนวโน้มส่งสัญญาณเปิดประเทศ หลังจากประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ด้วยการลดระยะเวลาการกักตัวของผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ ทำให้โลกมีเศรษฐกิจโลกมีโอกาสฟื้นตัว
ขณะเดียวกัน ยังจับตาประเด็นการหารือระหว่างจีน และสหรัฐฯ หลังนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า ตนมีกำหนดประชุมทวิภาคีกับนายหยี่ กัง ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน นอกรอบการประชุมสุดยอดของกลุ่ม G20 ที่เกาะบาหลีของอินโดนีเซีย โดยนางเยลเลนกล่าวว่า การหารือกับนายหยี่จะเกี่ยวข้องกับประเด็นเศรษฐกิจโลก และตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีน